เบื้องหลังการจัดทำหนังสือ "วรลาโภ ผู้ให้ธรรมประดุจดั่งพรอันประเสริฐ"

ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ พระสุธรรมคณาจารย์ หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ

ตามรอยหลวงปู่เหรียญสู่ภาคเหนือ (5)



ตามรอยหลวงปู่เหรียญสู่ภาคเหนือ
(ตอนที่ ๕ ความเพียรเป็นธรรมโอสถ)


วันสุดท้ายในเชียงใหม่
เช้าวันที่ ๒๘ ตุลาคม ๒๕๔๘ พวกเราก็มาสักการะสถานที่ต่างๆ ภายในวัดสันติธรรมเพื่อเป็นการกราบลา เพราะวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายแห่งการตามรอยหลวงปู่เหรียญในเชียงใหม่ วันนี้เราจะไปสถานที่ซึ่งเป็นที่หมายที่เหลือ ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของเชียงใหม่ ได้แก่ ในเขตอำเภอเชียงดาว อำเภอแม่ริม โดยการเดินทางในวันนี้ก็อาศัยรถแดงเหมือนเดิม

วัดอุโมงค์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่





ก่อนที่จะออกจากอำเภอเมือง เราก็แวะไปที่วัดอุโมงค์กันก่อน ที่วัดนี้ในอดีตก็เคยมีพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่นมาพักภาวนาอยู่ พระอาจารย์รุ่งโรจน์ได้ยินมาจากครูบาอาจารย์ว่า เริ่มแรกโยมที่ดูแลวัดต้องการถวายวัดนี้ให้แก่พระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น แต่จุดประสงค์ของผู้สร้างวัดมิได้ต้องการให้พระใช้ภาวนาเพียงอย่างเดียว แต่ต้องการให้วัดนี้เน้นงานเผยแผร่ที่จะต้องเกี่ยวข้องกับประชาชนอย่างมากด้วย ซึ่งเป็นงานที่ไม่ค่อยถนัดนักสำหรับพระกรรมฐานที่เน้นการภาวนาในส่วนตนมากกว่า จึงไม่ได้รับการพัฒนาวัดนี้ไว้ ต่อมาจึงได้ถวายให้ท่านเจ้าคุณพระพรหมมังคลาจารย์ ( หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ ) เข้ามาดูแลต่อจนถึงปัจจุบัน

 
************************************
วัดถ้ำคูหาวารี อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่


ถ้ำคูหาวารี

แล้วเราก็มาทางอำเภอแม่ริม เลี้ยวขวามาทางโครงการหลวงหนองหอย ก็จะมีป้ายเลี้ยวเข้ามาที่วัดถ้ำคูหาวารี หลวงปู่เหรียญท่านเคยมาภาวนาที่นี่กับหลวงปู่ชอบ ฐานสโม และหลวงปู่ขาว อนาลโย โดยได้อาศัยบิณฑบาตจากหมู่บ้านแม้วหนองหอยที่อยู่เหนือถ้ำขึ้นไป


หลวงปู่ชอบ ฐานสโม


หลวงปู่ขาว อนาลโย


บริเวณที่หลวงปู่เหรียญเคยกางกลดบำเพ็ญภาวนา

ที่ถ้ำแห่งนี้เกิดเหตุการณ์สำคัญก็คือ หลวงปู่เหรียญเกิดอาพาธเป็นไข้อย่างหนัก จนไม่สามารถไปบิณฑบาตได้ หลวงปู่ชอบ กับหลวงปู่ขาวได้คอยส่งอาหารที่บิณฑบาตได้ให้หลวงปู่ ในตอนนั้นถ้ำคูหาวารีนี้อยู่ในป่าลึก ลำบากเรื่องหยูกยามาก ไม่ต้องพูดถึงหมอที่จะมารักษา หลวงปู่ท่านจึงอธิษฐานทำความเพียรนั่งสมาธิเพ่งเข้าไปภายในตลอดวันตลอดคืนจนมีไอร้อนออกมาตามร่างกายจึงหายจากอาการไข้ แต่หลังจากนั้นก็ยังมีตุ่มขึ้นตามตัวอีก ๗ วันจึงหายสนิท ท่านจึงได้ธรรมะว่า


ทางเดินที่หลวงปู่เหรียญใช้บิณฑบาตเข้าไปในหมู่บ้าน

"ใจอย่าเป็นทุกข์ อย่าไปสำคัญว่าขันธ์ ๕ เป็นตัวเป็นเรา เป็นเขาให้ปล่อยวางตามสภาพเสีย เมื่อสตินี้สอนจิตเข้าไปแล้วจิตก็เข้มแข็งขึ้น ถูกสติตักเตือนเข้าไปแล้วนะ มันก็กล้าหาญเลย ไม่หวั่นไหวต่อความเจ็บปวด ทุกขเวทนาต่างๆ อย่างนี้แหละที่บำเพ็ญมา"

การมายังสถานที่นี้ จึงทำให้รับรู้ถึงความลำบากของครูบาอาจารย์ในยุคก่อน แม้ในปัจจุบันการบิณฑบาตขบฉันก็เพียงพออยู่ได้สำหรับพระผู้ภาวนา
 
*********************************
 

ธารน้ำภายในถ้ำ

ถ้ำนี้ก็มีความมหัศจรรย์อีกอย่างหนึ่งก็คือ ที่ปลายถ้ำจะมีช่องเล็กๆ ที่จะต้องคลานเข้าไปเท่านั้น (พระอาจารย์เรียกตรงส่วนนี้ว่า ถ้ำลอดบาป) คลานเข้าไประยะหนึ่งก็จะเจอธารลอด มีน้ำใสไหลเย็นไหลอยู่ตลอดเวลา พระอาจารย์แดงเจ้าอาวาสเล่าให้ฟังว่า สามารถล่องแพเข้าไปตามธารนี้ได้อีกหลายร้อยเมตร ยังมีการสำรวจทางธรณีวิทยาอีกว่า ลำธารภายในถ้ำคือต้นกำเนิดของน้ำแร่ออร่า ซึ่งมีโรงงานบรรจุขวดตั้งอยู่ถัดจากวัดเข้าไปอีกประมาณ ๒ กิโลเมตร


เดินสำรวจในหมู่บ้าน

ต่อจากนั้นพระอาจารย์แดงก็พาพวกเราเข้าไปยังหมู่บ้านแม้ว เข้าไปดูสภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้าน และเข้าไปดูโครงการหลวงหนองหอย ตามพระราชดำริ


โครงการหลวงหนองหอย

อ่านความเป็นมาของโครงการหลวงหนองหอยได้จาก http://kanchanapisek.or.th/kp12/project-plan/develop/develop-nonghoi.htm



ต่อจากนั้นเราก็เข้าไปชมแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อของบ้านหนองหอย นั้นก็คือ ดอยม่อนล่อง เป็นจุดชมวิวที่งดงามมาก สามารถมองเห็นทั้งอำเภอแม่ริม และไกลไปจนถึงจังหวัดลำพูน ตามตำนานพระเจ้าเรียบโลก ซึ่งเป็นวรรณคดีของภาคเหนือได้กล่าวไว้ว่า พระพุทธเจ้าได้เคยเสด็จมาประทับ ณ ดอยม่อนล่องแห่งนี้ โดยมี ขุนหลวงวิรังคะ กษัตริย์ของชาวลัวะ มาเฝ้าพระพุทธเจ้า บนดอยจึงมีศาลของขุนหลวงวิรังคะเป็นอนุสรณ์ พวกเราก็ได้กราบลาสถานพระอาจารย์แดง และสถานที่ออกมาด้วยความอิ่มเอมใจ

อ่านตำนานม่อนล่องได้จาก http://www.khonmuang.com/BB/viewtopic.php?t=2605
 
**************************
 
วัดถ้ำปากเปียง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่



ออกจากหนองหอย เราก็เลยมาที่อำเภอเชียงดาว เลยถ้ำเชียงดาวก่อนที่จะถึงวัดถ้ำผาปล่องของหลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร ก็จะถึงวัดถ้ำปากเปียง หลวงปู่เหรียญท่านเคยมาภาวนากับหลวงปู่มหาปิ่น ชลิโต (พระครูวิโรจน์ธรรมาจารย์) ในระยะเวลาสั้นๆ แต่ได้เกิดผลจากการปฏิบัติมากมาย


หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ


หลวงปู่มหาปิ่น ชลิโต


หลวงปู่เจริญ ญาณวุฑฺโฒ

ในปัจจุบันมีหลวงปู่เจริญ ญาณวุฑฺโฒ เป็นเจ้าอาวาส ท่านเล่าให้ฟังถึงความเป็นมาของถ้ำนี้โดยหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ท่านได้เมตตาเล่าให้ท่านฟัง จึงได้นำมาเล่าอีกต่อหนึ่ง เรื่องนี้หลวงปู่มั่นเป็นผู้เล่าให้หลวงปู่แหวนฟังว่าให้ท่านไปภาวนาที่ถ้ำนี้ซึ่งถือเป็นมงคล เพราะหลวงปู่มั่นเองก็เคยมาภาวนา แล้วยังเคยมีพระอรหันต์เคยมีนิพพานที่นี่ เมื่อหลวงปู่แหวนได้นั่งสมาธิดูจึงทราบว่าพระอรหันต์ที่มานิพพานที่ถ้ำนี้ ท่านนิพพานในอิริยาบถยืน



นอกจากถ้ำปากเพียงแล้วยังมีปูชนียสถานที่สำคัญก็คือ พระประธานซึ่งเป็นพระกริ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีนามว่า “สิทธัตโถ” ซึ่งเป็นพระนามที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (อยู่  ญาโณทยมหาเถร)  วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ ๑๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ได้ถวายพระนามให้ ความหมายของนาม “สิทธัตโถ” นี้คือ “ผู้ประทานความสำเร็จ” นามเริ่มแรกของวัดถ้ำปากเพียงก็สอดคล้องกับพระประธานองค์นี้คือ “วัดสิทธัตโถภาวนาราม”
 
**************************
 
วัดป่าดาราภิรมย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่


หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม



ออกจากวัดถ้ำปากเปียง ก็ย้อนมาที่อำเภอแม่ริมอีกครั้งและแวะมาที่วัดป่าดาราภิรมย์ สถานที่นี้หลวงปู่เหรียญท่านเคยมากราบนมัสการและพักชั่วคราวกับหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ศิษย์รุ่นใหญ่ของหลวงปู่มั่น ภูริทตฺตมหาเถร ณ สถานที่นี้หลวงปู่เหรียญท่านพบความมหัศจรรย์แห่งจิตภาวนาของหลวงปู่ตื้อ  กล่าวคือท่านทั้งสองสนทนาธรรมตลอดทั้งคืน



ก่อนจะใกล้รุ่งหลวงปู่ตื้อบอกกับหลวงปู่เหรียญว่า ท่านได้พิจารณาแล้วในเช้านี้จะมีหมาสองตัวกัดกัน พอวันรุ่งขึ้นก็มีโยมทะเลาะกันในวัดจริงๆ ซึ่งหลวงปู่เหรียญท่านก็สังเกตหลวงปู่ตื้อว่ามิได้นั่งสมาธิหรือนิ่งพิจารณาก่อนจะกล่าวแต่ประการใด หลวงปู่ตื้อท่านเมตตาต่อหลวงปู่เหรียญมาก ทราบว่าในภายหลังก่อนที่หลวงปู่ตื้อจะมรณภาพที่บ้านเกิดของท่านที่จังหวัดนครพนม ท่านยังถามหาถึงหลวงปู่เหรียญถึงสารทุกข์สุกดิบอยู่ ทั้งที่การเจอกันครั้งนั้นห่างจากที่ท่านกล่าวถึงกันเป็นอีกหลายสิบปี


พระโสภณธรรมสาร (ฤทธิรงค์ ญาณวโร)

พวกเราได้พบกับท่านเจ้าคุณพระโสภณธรรมสาร (ฤทธิรงค์ ญาณวโร) เจ้าอาวาสวัด ตอนนั้นท่านกำลังทำข้อวัตรปัดกวาดลานวัดอยู่ ท่านยังได้เมตตามาพูดคุยกับพวกเรา และยังเล่าถึงข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับหลวงปู่เหรียญ ที่ท่านได้ยินมาจากครูบาอาจารย์มาเหมือนกัน ท่านยังมอบหนังสือประวัติวัดเล่มงามให้พวกเราอีกด้วย

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ http://darabhirom.hypermart.net/
 
*******************************
 
วัดห้วยน้ำริน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่


หลวงปู่ชอบ ฐานสโม



เป็นสถานที่สุดท้ายในการตามรอยหลวงปู่เหรียญในครั้งนี้ หลวงปู่เหรียญท่านเคยมาพักภาวนาอยู่กับหลวงปู่ชอบ ฐานสโม โดยวัดแห่งนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากหลวงปู่มั่น ภูริทตฺตมหาเถรได้มาพักภาวนาชั่วคราว ต่อมาก็มีหลวงปู่ชอบท่านมาจำพรรษาอยู่อีกหลายพรรษา



พวกเราได้เข้าไปสำรวจและถ่ายรูปในวัด โดยเฉพาะบริเวณที่เคยเป็นที่ตั้งกุฏิหลวงปู่ชอบ อีกทั้งบริเวณที่เคยเป็นที่ตั้งวัดดั้งเดิม ซึ่งปัจจุบันถูกน้ำท่วมไปแล้ว

อำลาเชียงใหม่

ในที่สุดก็สิ้นสุดการเดินทาง พี่รถแดงเร่งความเร็วไปส่งพระอาจารย์รุ่งโรจน์ซึ่งท่านจะลงไปทำธุระที่กรุงเทพฯ โดยทางรถไฟให้ทันเวลา ส่วนผมไปโดยรถโดยสารประจำทาง ซึ่งมีกำหนดการค่ำกว่า ส่วนผมได้ไปพักผ่อนอาบน้ำที่บ้านของพี่รถแดงใจดีซึ่งเป็นครอบครัวที่อบอุ่นพ่อแม่ลูก พี่จุกรถแดงยังพาไปเลี้ยงอาหารอีสานแถวถนนสายสารภีอีก เป็นความเอื้อเฟื้อที่หาได้ยากในสังคมปัจจุบัน แล้วก็ได้ร่ำลากันจบการตามรอยหลวงปู่เหรียญในภาคเหนือ

สำหรับบันทึกนี้ว่าไปแล้ววีระวงศ์ใช้เวลาบันทึกถึง ๓ ปี เพราะหลังจากเดินทางกลับมาใหม่ๆ ก็ได้ตีพิมพ์บางส่วนไปในกระทู้ ตามรอยหลวงปู่เหรียญสู่ภาคเหนือ แต่บันทึกยังไม่จบก็ต้องเตรียมตัวอุปสมบทตอนปลายปี ๒๕๔๘ บันทึกจบก็วันนี้นี่ล่ะครับ

 

<หน้าก่อน กลับไปหน้า บทความ หน้าถัดไป>
ขอเชิญลงนามและร่วมอนุโมทนาในสมุดเยี่ยม ที่นี่

จัดทำโดย : คณะศิษยานุศิษย์ พระเดชพระคุณ พระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
วัดอรัญญบรรพต ต.บ้านหม้อ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย เริ่มจัดทำเมื่อ พุทธศักราช ๒๕๕๒
ขอขอบคุณ คุณกิตติวัฒน์ มโนสุทธิ ผู้ให้การสนับสนุนเ็วบไซต์
E:Mail : luangpurian@mail.com http://www.luangpurian.com