๒๕ เมษายน ๒๕๔๔
หน้าที่ ๒

วัดป่าวิสุทธิธรรม


พระครูกิตติสารประสาธน์
( พระอาจารย์ประสงค์ )
เจ้าอาวาสวัดป่าวิสุทธิธรรม


พอฟังธรรมจากหลวงปู่อว้านเสร็จก็ออกจากวัดเพื่อเดินทางไปวัดป่าวิสุทธิธรรม บ้านโคก ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านนามนประมาณ 10 กว่ากิโลเมตร สภาพภายในวัดปัจจุบันมีต้นให้ร่มเงาน้อย มีสิ่งสำคัญคือศาลาไม้หลังเก่า สร้างในสมัยที่หลวงปู่มั่นมาจำพรรษาเมื่อปี พ.ศ. 2487 ได้ใช้ศาลาเป็นที่ฉันภัตตาหาร และให้โอวาทแสดงธรรมแก่พระภิกษุสามเณรและญาติโยม ปัจจุบันกำลังบูรณะและดัดแปลงเป็นอุโบสถแต่ก็ยังรักษารูปแบบเดิมเอาไว้ กุฏิหลวงปู่มั่น และใต้ต้นขออันเป็นสถานที่ที่หลวงปู่มั่นถ่ายรูปยืน ( แต่หลวงปู่เจี๊ยะได้ระบุไว้ในหนังสือ " หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ลิ้วห่อทอง" ได้ระบุว่าท่านถ่ายที่ จ.นครพนม ) ตรงต้นทางเดินจงกรมของท่านซึ่งทางวัดได้นำเสาปูนมาวางไว้เป็นแนวทางเดินจงกรมเก่าหลวงปู่มั่น เพื่อจะสร้างเป็นศาลาครอบทางเดินจงกรมต่อไป ซึ่งก็ยังขาดทุนทรัพย์อยู่เป็นจำนวนมาก สามารถอ่านรายละเอียดการสมทบทุนได้คลิ๊กที่นี่
นอกจากนี้ใต้ต้นค้อยังมีแท่นก่ออิฐซึ่งในอดีตหลวงปู่อุ่น กัลยาณธัมโมอดีตเจ้าอาวาสท่านจะมานั่งพักผ่อนที่นี้ นอกจากนี้ทางวัดยังจะได้นำหุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่มั่นมาประดิษฐานบนกุฏิหลวงปู่มั่น ในวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 นี้อีกด้วย ซึ่งตอนที่ข้าพเจ้าไปเยี่ยมวัดหุ่นขี้ผึ้งดังกล่าวยังประดิษฐานอยู่ที่ศาลาวัดป่าสุทธาวาส นอกจากนี้ยังมีเจดีย์พิพิธภัณฑ์หลวงปู่อุ่น กัลญาณธัมโมอดีตเจ้าอาวาสอีกด้วย ปัจจุบันมีพระครูกิตติสารประสาธน์ ( พระอาจารย์ประสงค์ ) เป็นเจ้าอาวาส องค์ท่านเมตตาข้าพเจ้ามาก เนื่องจากมีชื่อเหมือนกัน

ใต้ต้นขอต้นทางเดินจงกรมหลวงปู่มั่น

 


ศาลาหลังเก่า

ศาลาหลังเก่า

กุฏิหลวงปู่มั่น

กุฏิหลวงปู่มั่น

สำหรับประวัติวัดป่าวิสุทธิธรรม ก่อนที่ก่อตั้งเป็นวัด หลวงปู่มั่นได้มาพัก ณ เสนาสนะป่าบ้านโคก หลังจากที่ท่านไปจำพรรษาอยู่ที่เชียงใหม่เป็นเวลา 10 ปี เมื่อปี พ.ศ. 2482 และที่วัดป่าโนนนิเวศ จ.อุดรธานี 2 พรรษา เมื่อ พ.ศ. 2483 - 2484 แล้วจึงมาจำพรรษา ณ เสนาสนะป่าบ้านโคก เมื่อปี พ.ศ. 2485 ซึ่งบ้านโคกนี้เป็นบ้านเกิดของท่านพระอาจารย์กงมา จิรปุญโญ ซึ่งท่านได้พยายามวางรากฐานให้เสนาสนะป่าแห่งนี้เป็นวัดอย่างมั่นคงขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ที่หลวงปู่มั่นได้มาจำพรรษาที่นี่ โดยได้สร้างศาลาและกุฏิถวายหลวงปู่มั่นได้มาจำพรรษาอีกครั้งเมื่อปี พ.ศ. 2487 หลังจากไปจำพรรษาที่วัดป่านาคนิมิตต์เมื่อปี พ.ศ. 2486 หลวงปู่มั่นจึงจำพรรษาที่นี่ถึง 2 พรรษา ก่อนที่จะไปจำพรรษาที่วัดป่าบ้านหนองผือติดต่อกันถึง 5 ปี ภายหลังเมื่อปี พ.ศ. 2488 หลวงปู่กงมาจึงได้สร้างวัดป่าอีกแห่งหนึ่งคือ วัดดอยธรรมเจดีย์ และมอบวัดป่าวิสุทธิธรรมให้กับพระอาจารย์อุ่น กัลยาณธัมโมซึ่งมีศักดิ์หลานชายของท่านดูแลวัดต่อ


เจดีย์หลวงปู่อุ่น

พระธาตุหลวงปู่อุ่น

ภายในเจดีย์

ภายในเจดีย์

 

ประวัติโดยสังเขปหลวงปู่อุ่น กัลญาณธัมโม อดีตเจ้าอาวาสองค์ที่ 2 วัดป่าวิสุทธิธรรม
ชื่อเดิม อุ่นหล้า ผาใต้ บิดาชื่อนายรอด มารดาชื่อนางทอง ผาใต้ ( นางบัวทอง นี้เป็นพี่สาวคนโตของท่านพระอาจารย์กงมา จิรปุญโญ ) เป็นบุตรคนที่ 7 ในพี่น้อง 8 คน สมัยยังเด็กท่านได้ช่วยครอบครัวทำไร่ไถนา เลี้ยงวัวควาย ตามประสาคนชาวนา เมื่อปี พ.ศ. 2485 หลวงปู่มั่น ได้มาจากอุดรธานีมาพักอยู่วัดร้างชายป่า ใกล้บ้านโคก หลวงปู่ได้สั่งให้ทำกุฏิคอยพระอาจารย์กงมา จิรปุญโญ ซึ่งไปเผยแพร่ธรรมทางจังหวัดจันทรบุรีไม่นานท่านพระอาจารย์กงมา พร้อมด้วยพระวิริยังค์ ก็กลับมาตามคำพยากรณ์ของหลวงปู่มั่นจริงๆ เมื่อหลวงปู่มั่นมาจำพรรษาที่วัดป่าร้างบ้านโคก ( ปัจจุบันเป็นที่ว่าการอำเภอโคกศรีสุพรรณ ) จึงปรารภว่าต้องการให้นายอุ่นหล้า ผู้เป็นหลานท่านพระอาจารย์กงมา บรรพชาเป็นสามเณร จึงเป็นพระอุปัชณาย์ทำการบรรพชาให้เป็นสามเณรในศาลาวัดร้างที่ท่านพำนักอยู่นั้น นับว่าท่านพระอาจารย์อุ่นเป็นสามเณรองค์สุดท้ายที่หลวงปู่มั่นทำการบรรพชาให้ หลังจากนั้นได้อยู่จำพรรษาร่วมกับท่าน หลวงปู่มั่น หลวงปู่กงมา หลวงตามหาบัว หลวงปู่เจี๊ยะ หลวงปู่วิริยังค์ หลังจากออกพรรษาแล้ว จึงได้ทำการอุปสมบท ณ อุทกุกเขปสีมา ( สิมน้ำ ) กลางหนองบัว ใกล้บ้านโคกนั้นนั่นเอง โดยมีพระธรรมเจดีย์เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระเทพกวีเป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2485 หลังจากอุปสมบทแล้ว ท่านพระอาจารย์กงมา จึงได้นำพาสร้างวัดใหม่คือวัดป่าวิสุทธิธรรมในปัจจุบัน ในพรรษาปี 2486 นี้หลวงปู่มั่น ได้ไปจำพรรษาที่วัดป่านาคนิมิตต์ พรรษาแรกของการเป็นพระหลวงปู่อุ่น ได้อยู่ร่วมจำพรรษากับพระอาจารย์กงมา ณ วัดป่าวิสุทธิธรรม ในพรรษาต้องเดินลัดทุ่งนาไปฟังพระธรรมเทศนาจากหลวงปู่มั่นเป็นประจำที่วัดป่านาคนิมิตต์เป็นประจำตลอดพรรษา แม้ฝนจะตกก็ต้องไปด้วยความเต็มใจ เมื่อออกพรรษาแล้วพระอาจารย์กงมา ได้ไปกราบนิมนต์หลวงปู่มั่นมาจำพรรษาที่วัดป่าวิสุทธิธรรมนี้อีกพรรษนี้ปี พ.ศ. 2487 หลวงปู่มั่น ได้อยู่จำพรรษาด้วยมีพระอาจารย์กงมา หลวงตามหาบัว หลวงปู่วิริยังค์ หลวงปู่หลอด ปโมทิโต และมีพระเณรอีก พรรษานี้หลวงปู่อุ่นต้องเร่งทำความเพียรเป็นอย่างมากเพราะกลัวหลวงปู่มั่น จิตจึงมีกำลังใจในการภาวนา ทำให้จิตมีกำลังเข้มแข็งขึ้นเป็นลำดับ เมื่อออกพรรษารับกฐินแล้ว ปลายปี พ.ศ. 2487 ญาติโยมทางวัดป่าบ้านหนองผือ ได้เดินทางมานิมนต์หลวงปู่มั่นไปโปรดชาวบ้านหนองผือบ้าง ท่านได้พิจารณาแล้วจึงรับนิมนต์และเดินทางธุดงค์ตามไปทีหลังเพียง 2 องค์ คือ หลวงปู่มั่น กับ พระอุ่นเท่านั้น พระอุ่นได้ได้สะพายบาตรและแบกกลด ถือทั้งของหลวงปู่มั่นและของท่านเองอย่างพะรุงพะรัง เหมือนคนอพยพโดยหลวงปู่มั่นถือไม้เท้านำหน้า ต่อมาเมื่อถึงแล้วจึงค้างที่วัดป้าบ้านหนองผือ 2 - 3 วัน แล้วจึงเดินทางต่อมาที่วัดป่าวิสุทธิธรรมมาจำพรรษาร่วมกับพระอาจารย์กงมา หลังจากนั้นก็ไม่ได้อยู่กับหลวงปู่มั่นอีกเลย ท่านดูแลวัดป่าวิสุทธิธรรมตลอดมา จนกระทั้งท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2540

ช่วงเย็นพักที่วัดป่าบ้านหนองผือ

ออกจากวัดป่าวิสุทธิธรรมก็บ่าย 2 โมง จึงเดินทางเข้าในตัวเมืองต่อเพื่อไปทานข้าวและจองตั๋วกลับกรุงเทพ ขากลับนั่งรถ ป.1 ราคา 360 บาท เห็นว่าเย็นมากแล้วจะไปจัดเตรียมที่พักที่วัดป่าบ้านหนองผือไม่ทัน เลยไม่ได้แวะเข้าไปวัดป่าสุทธาวาส ก็เลยเดินทางไปต่อที่วัดป่าบ้าหนองผือต่อ เมื่อถึงวัดก็บ่าย 4 โมงแล้ว ก็รีบไปกราบเรียนพระในวัดอีกครั้ง เพื่อให้ท่านเลือกกุฏิที่จะพัก ซึ่งข้าพเจ้าแสดงความประสงค์ว่าจะพักคนละกุฏิกับน้องเตียง ( ส่วนน้องกอล์ฟขอลากลับบ้านครับ ) ท่านได้จัดกุฏิที่ท่านบอกว่าเป็นกุฏิที่พระอาจารย์ทองคำ ญาโณภาโสเคยพำนักอยู่ ตั้งอยู่ติดกำแพงวัดเยื้องกับกุฏิเก่าหลวงตามหาบัวเล็กน้อย ส่วนกุฏิของน้องเตียงนั้นเป็นกุฏิที่หลวงปู่ฝั้น อาจาโรเคยพำนักอยู่ ตกหัวค่ำสามเณร 4 องค์ที่บวชในช่วงปิดเทอมก็มาคุยกับข้าพเจ้าที่กุฏิ ถึงเรื่องข้อวัตรต่างๆ แล้วยังได้เล่าถึงความลึกลับต่างๆ ภายในวัด อย่างเช่น ใครที่ทำผิดศีลมักอยู่วัดนี้ไม่ได้หรือไม่ก็ประสบอุบัติเหตุบางอย่าง อย่างเช่น เณรเองที่เมื่อเย็นนี้ก็เพิ่งถูกมีดพล้าบาดที่หัวแม่เท้าเย็บไป 4 เข็ม เณรเองก็กำลังนึกอยู่ว่าทำอะไรผิดไป ซึ่งสามเณรเหล่านี้ก็ซุกซนจริงๆ ตามประสาเด็ก แล้วยังได้เล่าถึงสิ่งที่เณรเคยเจอที่กุฏิที่ข้าพเจ้าพำนักนี้ด้วย " ตอนกลางคืนนะเณรตื่นขึ้นมาได้ยินเสียงคนรับมีดอยู่ข้างนอก เณรก็ยกมือขึ้นแผร่เมตตาแล้วก็รีบข่มตานอนเลย " ข้าพเจ้าว่าน่าจะเป็นแมลงบางอย่าง แต่ก็รู้สีกร้อนๆ หนาวๆ เหมือนกัน แต่ยึดสโลแกนว่า ความกลัวเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นเอง เอาชนะมันให้ได้ อิอิ

แต่ที่เณรเล่าอีกเรื่องหนึ่งก็คือ มีหลวงตารูปหนึ่งที่เคยจำพรรษาที่วัดนี้ได้เล่าให้เณรฟังว่า หลังเที่ยงคืนท่านได้นั่งสมาธิก็เห็นในสมาธิว่า มีเทวดาเข้ามาในวัดจำนวนหนึ่ง ลอยเข้าไปกราบพระประทานที่ศาลาใหญ่ก่อน แล้วจึงลอยเข้าไปกราบกุฏิหลวงปู่มั่น แล้วก็ลอยเข้ามากราบท่านเอง ซึ่งท่านก็บอกเทวดาเหล่านั้นว่าอย่ามากราบอาตมาเลย ไปกราบหลวงปู่มั่นดีกว่าดังนี้ ( ข้าพเจ้าก็ได้พบหลวงตาท่านนี้ แต่ท่านไม่ได้เล่าถึง ไว้มีโอกาสจะเรียนถามท่านดู ) เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่ายังมีเหล่าเทวดามาวัดนี้เช่นเดียวกับสมัยที่หลวงปู่มั่นยังดำรงขันธ์อยู่เหมือนกัน

แล้วเณรก็ได้ชวนไปสรงน้ำท่านพระอาจารย์พยุงด้วย ตอนทุ่มครึ่งข้าพเจ้ากับน้องเตียงทันได้เช็ดเท้าท่าน แล้วท่านก็ได้อบรมสามเณรในเรื่อง ราคะ โทษะ โมหะ มีการซักถามกันบ้าง จนถึงสามทุ่มจึงเลิก ถึงไม้ว่าสามเณรเหล่านี้จะต้องลาสิกขาไปในไม่นานนี้ก็คงได้ธรรมะไปใช้ในชีวิตประจำวันไม่น้อย แล้วในปีหน้าเณรก็จะบวชอีกครั้งด้วย ก็ขออนุโมทนาในกุศลจิตของเหล่าสามเณรน้อยนี้ครับ พอสามเณรกลับน้องเตียงก็มีปัญหาเรื่องการนั่งสมาธิเรียนถามท่าน ซึ่งท่านก็ได้อธิบายต่อให้ข้าพเจ้าและน้องเตียงเข้าใจจนถึงเวลาสี่ทุ่มครึ่งจึงลาท่านกลับมาพักที่กุฏิ ก่อนนอนก็เดินจงกรมสักหน่อย บรรยากาศในวัดยามดึกวิเวกดีมาก เนื่องจากเพลียจากการเดินทางทั้งวัน จึงรีบพักผ่อนเพื่อพรุ่งนี้เช้าจาได้มาทันพระสงฆ์ออกบิณฑบาตยามเช้าครับ.

< หน้าก่อน  วันต่อไป >

www.luangpumun.org