กุฏิหลวงปู่มั่น ณ เสนาสนะป่าบ้านนาสีนวล*

ความเป็นมาของเสนาสนะป่าบ้านนาสีนวล
ในปี พ.ศ.๒๔๘๖ หลวงปู่มั่น ภูริทัตตเถระจำพรรษา ณ วัดป่านาคนิมิตต์ บ้านนามน ภายหลังจากปวารณาออกพรรษาแล้วองค์ท่านได้จาริกมาพำนัก ณ บ้านนาสีนวลซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านนามนประมาณ ๕ กิโลเมตร เป็นเวลา ๘ เดือน จากบันทึก "ใต้สามัญสำนึก" โดย พระอาจารย์วิริยังค์ สิรินฺธโร ได้บันทึกเกี่ยวกับการมาพำนักที่บ้านนาสีนวลไว้ดังนี้

" ... ท่านปรารภที่จะออกไปจากวัดป่าบ้านนามน เพื่อความสงบตามอัธยาศัยในที่ไม่ไกลจากวัดป่าบ้านนามนนี้เท่าไรนัก มีบ้านหนึ่งชื่อบ้านนาสีนวล อยู่ใกล้เขาภูพาน บ้านนี้มีวัดร้างอยู่วัดหนึ่งไม่ไกลจากบ้าน มีกุฏิหลังเดียว ท่านได้เลือกเอาวัดร้างนี้เป็นที่พัก ได้ออกจากวัดป่าบ้านนามนกับผู้เขียน และมีพระติดตาม ๒ รูป ตาผ้าขาว ๑ คน

การมาอยู่บ้านนาสีนวลนี้ถือว่าเป็นการพักผ่อนของท่าน ตามธรรมดาท่านก็พักผ่อนอยู่แล้วไม่ว่าอยู่ที่ไหน แต่การอยู่ในหมู่บ้านใหญ่ พระภิกษุสามเณรก็จะมาพักเพื่อศึกษามาก เป็นการกังวลในการดูแลแนะนำสั่งสอน เมื่อมาอยู่บ้านนาสีนวล พระภิกษุสามเณรมาอยู่มากไม่ได้ เพราะเป็นบ้านเล็ก จึงถือว่าเป็นการพักผ่อน ในกาลบางครั้งพระภิกษุสามเณรผู้อยู่โดยรอบไม่ไกลนัก ก็ถือโอกาสเข้ามานมัสการเพื่อรับโอวาทจากท่านเป็นครั้งคราว..."

และยังมีเหตุการณ์สำคัญ คือ องค์ท่านอาพาธด้วยโรคมาเลเรีย ท่านได้อนุญาตให้พระอาจารย์วิริยังค์จำวัดในห้องเดียวกับท่านได้เพื่อจะได้อุปฐากอาการอาพาธของท่านอย่างใกล้ชิดซึ่งองค์ท่านไม่เคยอนุญาตให้ใครมาก่อนเลย ในช่วงนี้เองที่พระอาจารย์วิริยังค์ได้สังเกตกิจวัตรในช่วงอาพาธขององค์หลวงปู่มั่นบันทึกไว้ใน " ใต้สามัญสำนัก " ดังนี้


กุฏิหลวงปู่มั่นถ่ายจากด้านหน้า*

กุฏิหลวงปู่มั่นถ่ายจากด้านหลัง*

กุฏิหลวงปู่มั่นด้านมุมระเบียง

ช่องลมเหนือหน้าต่าง*

ห้องภายในกุฎิ*

ลวดรายบริเวณหน้าจั่ว

ชั้นบนกุฏิ

"... ข้าพเจ้าต้องอัศจรรย์มากทีเดียว ในขณะที่ได้เข้าไปอยู่ในห้องเดียวกับท่าน คือเห็นท่านตื่นตอนตี ๓ ( ๓.๐๐ น. ) ทุกวันเลยทีเดียว ผู้เขียนก็ได้ตั้งใจและคอยระวังอยู่ จึงตื่นพอดีกับท่าน เพื่อคอยปฏิบัติในขณะที่ท่านตื่นขึ้นล้างหน้า

ต่อจากนั้นก็นั่งกัมมัฎฐานไปจนตลอดแจ้ง ผู้เขียนคิดว่าท่านก็กำลังป่วยยังไม่หายสนิท แต่ทำไมจึงยังบำเพ็ญกัมมัฏฐาน พักเพียง ๔ - ๕ ชั่วโมงเท่านั้นและยิ่งคิดหนักต่อไปว่า ก็ในเมื่อท่านได้บำเพ็ญมาอย่างหนักแล้ว และรู้ธรรมเห็นธรรมตามสมควรแล้ว เหตุไฉนท่านยังมิละความเพียรของท่านเลย อันที่จริงท่านไม่ต้องทำก็เห็นจะไม่เป็นไร เพราะท่านทำมามากพอแล้ว

ซึ่งในวันหนึ่งผู้เขียนอดไม่ได้ต้องถามท่านว่า " ท่านอาจารย์ครับ ขณะนี้ท่านอาจารย์ก็ไม่ค่อยสบาย ควรจะได้พักผ่อนให้มากกว่านี้ จะทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น " แต่แล้วก็ได้รับคำตอบว่า " ก็ยิ่งไม่สบาย คนเรามันใกล้ตาย ก็ต้องยิ่งทำความเพียรโดยความไม่ประมาท แม้เราจะเป็นผู้ได้รับการฝึกฝนมามากแล้ว แต่ก็ต้องทำและยิ่งมีความรู้สึกภายในว่าต้องทำให้มาก เช่นเดียวกับเศรษฐี แม้จะมีทรัพย์มาก ก็ยิ่งต้องทำมาก วิริยังค์ สมาธิมันเป็นเพียงสังขารไม่เที่ยงหรอก ความจริงแห่งสัจธรรมจึงจะเป็นของเที่ยง และการกระทำความเพียรนี้ยังชื่อว่าทำเป็นตัวอย่างแก่ศิษย์ทั้งหลายด้วย " ทำเอาผู้เขียนขนลุก ปิติซู่ซ่าไปหมด ทั้งคิดว่าท่านแม้จะมีคุณธรรมสูง ท่านก็มิได้เอาตัวรอดแต่ผู้เดียว ยังต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อบุคคลอื่นอย่างน่าสรรเสริญ ... "

นอกจากหลวงปู่มั่นแล้วยังมีหลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโทได้มาจำพรรษาระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๘๖ - ๒๔๘๙ อีกด้วย


ซุ้มประตูวัดศรีคูณไชย
ในปัจจุบัน

สภาพในปัจจุบัน
เสนาสนะป่าบ้านนาศรีนวลปัจจุบันอยู่ในบริเวณวัดศรีคูณไชย ซึ่งเป็นวัดบ้าน ในปัจจุบันกุฏิที่องค์หลวงปู่มั่นได้มาพำนักยังคงมีอยู่ มีสภาพทรุดโทรมไปตามกาลเวลา สังเกตได้ว่ายังได้รับการดูแลที่ไม่ดีนัก หลายส่วนชำรุด พื้นไม้กระดานผุมากต้องใช้ความระมัดระวังในการขึ้นมาสำรวจ หลังคาที่มุงแผ่นไม้มีมีรอยรั่วอยู่ทั่วไป แต่กุฏิหลังนี้ก็ยังคงความงดงามอยู่จัดได้ว่าเป็นกุฏิที่มีศิลปกรรมการแกะสลักไม้ที่สวยงามมาก ควรได้รับการดูแลและบูรณะอย่างเร่งด่วนเพื่อมิให้ชำรุดไปมากกว่านี้และเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่อนุชนรุ่นหลังต่อไป พื้นที่ส่วนใหญ่ในวัดเป็นทุ่งโล่งกว้างภายในวัดมีเสนาสนะคือศาลาการเปรียญและกุฏิเจ้าอาวาสซึ่งสร้างขึ้นในภายหลัง

หากเดินทางมาวัดนี้ ให้เดินทางมาตามเส้นทางสู่วัดดอยธรรมเจดีย์ เมื่อถึงวัดดอยฯ แล้วให้เลี้ยวซ้ายไปทางบ้านนาสีนวลอีกประมาณ ๒ กิโลเมตร ก็จะเห็นวัดศรีคูณไชยอยู่ทางซ้ายมือ

 

< หน้าก่อน   หน้าต่อไป >
http://www.luangpumun.org