นอกจากสถานที่ที่องค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ได้ปฏิบัติธรรมจำพรรษาในเขตภาคเหนือแล้ว ยังมีสถานที่อื่นๆ ที่องค์ท่านได้มาพำนักชั่วคราวในช่วงนอกพรรษา ที่ต่อมาได้ตั้งเป็นวัดถูกต้อง ดังนี้

วัดป่าดาราภิรมย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ในช่วงที่หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม เป็นประธานสงฆ์ ระหว่างปี พ.ศ. 2485-2494 (รูปจาก ประวัติวัดป่าดาราภิรมย์)
1. วัดป่าดาราภิรมย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
จากประวัติวัดป่าดาราภิรมย์ได้ระบุว่า ในพรรษาปี พ.ศ. 2472 องค์หลวงปู่มั่นจำพรรษา ณ วัดเจดีย์หลวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ พอออกพรรษาท่านได้ออกวิเวก พอถึงปี พ.ศ. 2473 องค์ท่านได้จาริกมาทาง อ.แม่ริม พักในบริเวณป่าช้าตกกอก บ้านแพะ ซึ่งในขณะนั้นยังเต็มไปด้วยป่าไม้สักและไม้เบญจพรรณ ชายป่าเทือกเขาดอยสุเทพ เป็นสถานที่เงียบสงัด วิเวก ร่ำลือกันว่าเป็นสถานที่ผีดุ องค์ท่านพักชั่วระยะเวลาหนึ่ง จึงเดินทางจาริกไปที่พระธาตุจอมแตง จำพรรษาอยู่ 1 พรรษา ไปห้วยน้ำริน ป่าช้าบ้านเด่น บ้านปง (วัดอรัญญวิเวก) เชียงดาว และพร้าว ต่อไป

องค์นั่งด้านหน้า หลวงปู่สาม อกิญฺจโน หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม หลวงปู่คำปัน สุภทฺโท หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร ถ่ายบริเวณศาลาโรงธรรมเก่า วัดป่าดาราภิรมย์ (รูปและคำอธิบายจาก เฟซบุ๊ก วัดป่าดาราภิรมย์ พุทธพจนวราภรณ์)
บริเวณที่องค์หลวงปู่มั่นได้ไปพักนั้น ยังอยู่ติดกับสวนเจ้าสบาย พระตำหนักดาราภิรมย์ ในพระราชชายาเจ้าดารารัศมี พระมเหสีใน ร.5 ซึ่งในขณะนั้น พระราชชายาทรงรับทราบ ตั้งพระทัยไว้ว่าจะอุปถัมภ์ให้เป็นวัดอยู่คู่พระตำหนัก แต่ทรงประชวร และสิ้นพระชนม์ไปในปี พ.ศ. 2476



การทำบุญในอดีต ของวัดป่าดาราภิรมย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ (รูปจาก ประวัติวัดป่าดาราภิรมย์)
ต่อมาสถานที่แห่งนี้มีศรัทธาญาติโยมได้ร่วมกันตั้งให้เป็นวัดในชื่อวัดป่าวิเวกจิตตาราม จนกระทั่งปี พ.ศ. 2483 มีการถวายที่ดินแก่วัดเพิ่มเติม เพื่อเป็นพระราชกุศลแด่ พระราชชายาฯ ด้วยเหตุนี้เจ้าหญิงลดาคำ ณ เชียงใหม่ จึงขอเปลี่ยนนามวัดเป็น วัดป่าดาราภิรมย์ ตามชื่อตำหนักดาราภิรมย์ สวนเจ้าสบาย ซึ่งก็ได้นามจากพระนามของพระราชชายาเจ้าดารารัศมีที่ว่า ดารา นั่นเอง ชื่อ วัดป่าดาราภิรมย์ นี้ จึงใช้เรียกกันมานับแต่บัดนั้น

วัดป่าดาราภิรมย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ในปัจจุบัน (รูปโดย Admin)
ครูบาอาจารย์รูปสำคัญที่ได้มาอยู่ คือ หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ได้มาพักจำพรรษาระหว่างปี พ.ศ. 2485-2494 นอกพรรษาจึงจะจาริกธุดงค์ไปที่ต่างๆ ภายหลังปี พ.ศ.2494 ท่านได้ย้ายไปจำพรรษายัง วัดป่าอาจารย์ตื้อ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ภายหลัง พระพุทธพจนวราภรณ์ (หลวงปู่จันทร์ กุสโล) ได้มาเป็นเจ้าอาวาส ท่านได้พัฒนาวัดจนเจริญมั่นคงจนถึงปัจจุบัน

วัดป่าน้ำริน หรือ วัดห้วยน้ำริน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ (รูปโดย Admin)
2. วัดป่าน้ำริน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
จากหนังสือ รอยจารึกปฏิปทาบูรพาจารย์ วัดป่าน้ำริน เรียบเรียงโดย อ.สุทิน ร่มเย็น ได้บันทึกไว้ว่า ในปี พ.ศ. 2477 องค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ได้จาริกมาพร้อมกับพระภิกษุ 5-6 รูป พักที่ตลาดห้วยน้ำริน ซึ่งเป็นเพิงร้านค้าของชาวบ้าน คณะศรัทธาได้ถวายการต้อนรับ ซึ่งตอนนั้นองค์หลวงปู่มั่นได้ปรารภว่า "ในบริเวณใกล้เคียงมีถ้ำหรือหนองน้ำที่สงบ พอจะเป็นที่ปักกลดได้บ้างไหม" คณะศรัทธาที่มาต้อนรับได้พาองค์ท่านและคณะเดินลัดเลาะป่าไม้สูงใหญ่หลังตลาด เดินคดเคี้ยวไปตามทางที่ชาวบ้านเดินไปหาฟืนและของป่า จนกระทั่งถึงหนองน้ำ ที่เรียกว่าห้วยริน ได้มาอยู่บริเวณป่าใหญ่ ทางทิศเหนือของหนองน้ำ ส่วนทางทิศตะวันตกเป็นดอยสูงพอประมาณมีป่าไม้หนาทึบ มีลานระนาบเป็นบางแห่ง ซึ่งเป็นที่วิเวก มีหนองน้ำให้ได้อาบได้ฉัน การบิณฑบาตไม่ไกลจากชุมชนมากนัก องค์ท่านจึงปักกลด และพำนักอยู่บริเวณนี้ประมาณ 4-5 วัน ได้มีการอบรมสั่งสอนคณะศรัทธาญาติโยมที่มาใส่บาตรทุกวัน

ศาลาเล็กหลังนี้ สร้างขึ้นในบริเวณที่องค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต เคยปักกลด ณ วัดห้วยน้ำริน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ (รูปโดย Admin)
ต่อมาองค์ท่านได้สอบถามสถานที่แห่งใหม่ที่เงียบสงบมีอีกหรือไม่ คณะศรัทธาได้พาองค์ท่านและคณะเดินทางไปทางทิศใต้ ห่างจากที่เดิมประมาณ 1.2 กิโลเมตร เป็นป่าใหญ่มีห้วยน้ำไหลผ่านและมีหนองน้ำที่เกิดจากลำธารเล็กๆ ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า ห้วยริน (จากการลงพื้นที่โดย Admin พระภิกษุสงฆ์ในวัดกล่าวว่าบริเวณหนองน้ำ เดิมเรียกว่าห้วยส้ม) องค์หลวงปู่มั่นจึงมีดำริให้พระภิกษุย้ายไปพำนักยังสถานที่แห่งใหม่

ห้วยส้ม บริเวณเดิมที่เคยเป็นที่ตั้ง วัดห้วยน้ำริน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ (รูปโดย Admin)
หลังจากนั้นมีศิษย์จากภาคอีสาน ติดตามองค์ท่านจากวัดเจดีย์หลวงมาสมทบ คือ หลวงปู่ฝั้น อาจาโร กับหลวงปู่อ่อน ญาณสิริ คณะศรัทธาได้ช่วยกันสร้างเสนาสนะเพิงกระต๊อบง่ายๆ หลังคามุงด้วยตองตึง ฝาขัดและพื้นไม้ฟาก องค์หลวงปู่มั่นได้อบรมสั่งสอนให้ชาวบ้านลดละเลิก ความเชื่อเรื่องผีสาง ให้หันมานับถือพระรัตนตรัยเป็นสรณะที่พึ่งพอสมควรแล้ว องค์ท่านก็ได้ธุดงค์ต่อไปยังถ้ำเชียงดาว

อุโบสถ วัดห้วยน้ำริน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ (รูปโดย Admin)

กุฏิหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ที่ได้อนุรักษ์ไว้ ณ วัดห้วยน้ำริน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ (รูปโดย Admin)
ต่อมาหลวงปู่แหวนสุจิณฺโณ กับหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม ได้มาจำพรรษาระหว่างปี พ.ศ. 2481-2484
หลวงปู่แหวนได้จำพรรษาเป็นประธานสงฆ์ระหว่างปี พ.ศ. 2485-2490 ส่วนหลวงปู่ตื้อไปจำพรรษาที่วัดป่าดาราภิรมย์ แต่ในปี พ.ศ. 2490 ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้เสนาสนะ จึงย้ายมาตั้งในบริเวณที่ตั้งวัดปัจจุบันสืบต่อมา โดยมีครูบาอาจารย์สายกรรมฐานที่ได้มาพำนักหรือจำพรรษา ได้แก่ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร หลวงปู่คำดี ปญฺญาภาโส หลวงปู่ซามา อจุตฺโต หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปณฺฑิโตหลวงปู่มหาปราโมทย์ ปาโมชฺโช เป็นต้น

อุโบสถวัดโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ด้านหลังคือ เจดีย์โพธิปักขิยธรรม ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งกุฏิองค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต (รูปโดย Admin)
3. วัดโรงธรรมสามัคคี องค์หลวงปู่มั่น กับชาวสันกำแพง
เป็นเรื่องราวความเป็นมาของวัดโรงธรรมสามัคคี อังคารธาตุองค์หลวงปู่มั่น ที่ทางวัดเก็บรักษาไว้ และเรื่องราวของหลวงปู่คำแสน คุณาลงฺกโร พระอริยเจ้าของชาวสันกำแพง

โรงธรรมหลังเดิม วัดโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ (รูปโดย Admin)
ครูบาจารย์ (จากซ้ายไปขวา) หลวงปู่ทองบัว ตนฺติกโร หลวงปู่จันทร์ กุสโล หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร และหลวงปู่เกตุ วนฺนโก ถ่ายบริเวณโรงธรรมหลังเดิม วัดโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ (รูปจากเพจวัดโรงธรรมสามัคคี)
3.1 จากศาลาบำเพ็ญบุญสู่วัดโรงธรรมสามัคคี
จากหนังสือครบรอบ 90 ปี พระราชพุทธิมงคล หลวงปู่ทองบัว ตนฺติกโร ได้กล่าวถึงประวัติวัดโรงธรรมสามัคคีไว้ว่า เดิมเป็นสวนมันแกว คณะศรัทธาได้พร้อมใจกันซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวและยกที่ดินเป็นสถานที่บำเพ็ญธรรม ฟังเทศน์ และภาวนาปฏิบัติกรรมฐาน โดยปลูกศาลาขนาด 5 ห้อง เสา ฝากระดาน พื้นปูด้วยกระดานไม้สัก หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินขอ (ดินเผา) สำหรับบำเพ็ญบุญ ที่เรียกตามภาษาท้องถิ่นว่า โฮงธรรม อันเป็นที่มาของชื่อวัด

ครูบาจารย์ (จากซ้ายไปขวา) หลวงปู่ทองบัว ตนฺติกโร หลวงปู่จันทร์ กุสโล หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร และหลวงปู่เกตุ วนฺนโก ถ่ายบริเวณโรงธรรมหลังเดิม วัดโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ (รูปจากเพจวัดโรงธรรมสามัคคี)
ระหว่างเข้าพรรษา ในวันธรรมสวนะของทุกๆ เดือน คณะศรัทธาได้อาราธนาพระภิกษุจากวัดต่างๆ มารับภัตตาหารเช้าและเทศนาธรรม ปฏิบัติเช่นนี้เป็นเวลา 3 ปี คือระหว่าง พ.ศ. 2478-2480 โดยองค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ได้มาพำนักชั่วคราวเป็นระยะเวลาหนึ่ง แล้วจึงจาริกไปยังแห่งอื่น ในระหว่างนั้น องค์ท่านได้เมตตาอบรมคณะศรัทธาชาวสันกำแพงให้มั่นคงในพระรัตนตรัย

บรรยากาศเดิม วัดโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ (รูปจากเพจวัดโรงธรรมสามัคคี)
นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2481 สำนักสงฆ์แห่งนี้มีครูบาอาจารย์มาพักจำพรรษา ได้แก่ พระอาจารย์กู่ ธมฺมทินฺโน พระอาจารย์กว่า สุมโน, หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร, หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ และ หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ เป็นต้น ต่อมาในปี พ.ศ. 2493 คณะศรัทธา ได้นิมนต์หลวงปู่ทองบัว ตนฺติกโร มาจำพรรษา ท่านได้พัฒนาจนเป็นวัดมั่นคงจนถึงปัจจุบัน

บรรยากาศเดิม วัดโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ (รูปจากเพจวัดโรงธรรมสามัคคี)
บริเวณกุฏิที่องค์หลวงปู่มั่นเคยพำนัก ในอดีตก่อสร้างด้วยวัสดุง่ายๆ หลังคาเป็นใบตองตึง ฝาผนังและพื้นปูฟาก ต่อมาได้ถูกอัคคีภัยเสียหายไป ทางวัดจึงสร้างพระเจดีย์โพธิปักขิยธรรมในตำแหน่งที่เคยตั้งกุฏิองค์หลวงปู่มั่น อีกทั้งศาลาบำเพ็ญบุญเดิม คือตำแหน่งที่เป็นอุโบสถในปัจจุบัน (ครบรอบ 90 ปี พระราชพุทธิมงคล หลวงปู่ทองบัว ตนฺติกโร, คณะศิษยานุศิษย์, พ.ศ. 2554:28-29)

อังคารธาตุและเกศาธาตุองค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ประดิษฐานภายในเจดีย์ปูน ณ วัดโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ (รูปจากเพจวัดโรงธรรมสามัคคี)
3.2 ศรัทธาพลังอังคารธาตุ
วัดโรงธรรมสามัคคีได้เก็บรักษาอังคารธาตุและเกศาธาตุองค์หลวงปู่มั่น เป็นอนุสรณ์ถึงองค์ท่านไว้ โดย พระครูจิตตภัทราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดโรงธรรมสามัคคีรูปปัจจุบัน ได้บันทึกประวัติความเป็นมาไว้ ดังนี้
หลังจากที่ประชุมเพลิงหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต เมื่อวันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2493 รุ่งขึ้นอีกวันมีพิธีเก็บอัฐิ หลังจากนั้นพระมหาเถระได้ประชุมมอบอัฐิธาตุและอังคารธาตุ ให้กับพระภิกษุและอุบาสกอุบาสิกาที่อยู่ในจังหวัดต่าง ๆ ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ พระปลัดเกตุวณฺณโก วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นสิทธิวิหาริกรูปเดียวขององค์หลวงปู่มั่น ได้รับมอบอัฐิธาตุเพียงรูปเดียว
ส่วนอังคารธาตุ (ขี้เถ้าซึ่งมีอัฐิปนอยู่ด้วย) ได้มอบให้ คุณแม่แสง ชินวัตร อุบาสิกาที่เคยอุปัฏฐากหลวงปู่มั่น ขณะที่พำนักอยู่ที่ วัดโรงธรรมสามัคคี เพื่อให้ชาว อ.สันกำแพงได้สักการะบูชา คุณแม่แสง ชินวัตร ได้เก็บสักการะไว้ที่ร้านชินวัตรพาณิชย์ อ.สันกำแพง
พ.ศ. 2505 คุณแม่แสง ชินวัตร ได้เสียชีวิตลง น.ส.จันทร์สม ชินวัตร ลูกสาวจึงได้นำอังคารธาตุ ที่บรรจุในผอบไปถวายให้ หลวงปู่ทองบัว ตนฺติกโร เจ้าอาวาสวัดโรงธรรมสามัคคีในขณะนั้นรับถวาย
ในขณะที่รับมอบถวายนั้น พ่อหนานยืน ธีระสวัสดิ์ มัคทายกวัด ซึ่งเคยอุปัฏฐากใกล้ชิดหลวงปู่มั่น ขณะองค์ท่านพำนักอยู่วัดโรงธรรมสามัคคีมาโดยตลอด ได้ขออังคารธาตุหลวงปู่มั่นกับหลวงปู่ทองบัว ไปสักการะบูชา

อังคารธาตุและเกศาธาตุองค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ประดิษฐานภายในเจดีย์ปูน ณ วัดโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ (รูปจากเพจวัดโรงธรรมสามัคคี)
เมื่อพ่อหนานยืนได้รับแล้ว ก็นำเกศาธาตุขององค์หลวงปู่มั่นที่ได้รับจากองค์หลวงปู่มั่น มารวมกับอังคารธาตุบรรจุในผอบ แล้วจึงนำปูนมาโบกทำเป็นเจดีย์ แล้วเขียนข้างเจดีย์และใต้ฐานว่า "เกสาพระอาจารย์มั่น" และได้เขียน พ.ศ. แต่ไม่อ่านออก ได้อยู่ในการดูแลของครอบครัวพ่อหนานยืนตลอดมา
จนกระทั่งในวันที่ 31 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 หลานชายของพ่อหนานยืน ได้ถวายเจดีย์ปูนบรรจุอังคารธาตุ และเกศาธาตุองค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต มาประดิษฐาน ณ วัดโรงธรรมสามัคคี นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา (ส.กวีวัฒน์ ใน หลวงปู่มั่นกับชาวสันกำแพง, 2563:156-161)

หลวงปู่คำแสน คุณาลงฺกโรวัดดอนมูล อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ (รูปจาก คุณอุเทน การคิด)
3.3 หลวงปู่คำแสน คุณาลงฺกโร
อำเภอสันกำแพง ยังมีพระสงฆ์ท้องถิ่นรูปหนึ่งจากคณะมหานิกาย ได้ถวายตัวเป็นศิษย์องค์หลวงปู่มั่น คือ หลวงปู่คำแสน คุณาลงฺกโร แห่งวัดดอนมูล อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ท่านเกิดเมื่อปี พ.ศ. 2436 ที่บ้านสันโค้งใหม่ อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ บรรพชาในปี พ.ศ. 2452 และอุปสมบทในปี พ.ศ. 2458

หลวงปู่คำแสน คุณาลงฺกโร วัดดอนมูล อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ (รูปจาก คุณอุเทน การคิด)
จุดเริ่มต้นที่ทำให้ท่านได้เป็นศิษย์องค์หลวงปู่มั่น ในปี พ.ศ. 2476 ขณะที่หลวงปู่คำแสนอายุได้ 39 ปี 18 พรรษา ท่านได้ทราบว่า หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ มาพักที่วัดอู่ทรายคำ ในเมืองเชียงใหม่ จึงให้โยมคนหนึ่งไปอาราธนา หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ มาเผยแผ่อบรมญาติโยมที่วัดดอนมูล และนิมนต์ท่านอยู่จำพรรษาในพื้นที่วัดป่าภาวนา ที่หลวงปู่คำแสนสร้างขึ้นมีชื่อว่า วัดอรัญญิกาวาส หรือวัดป่าแม่ออน ออกพรรษาแล้วหลวงปู่ตื้อก็ได้มาพักด้วย

หลวงปู่คำแสน คุณาลงฺกโร วัดดอนมูล อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ (รูปจาก คุณอุเทน การคิด)
เมื่อองค์หลวงปู่มั่นมาพำนักที่วัดเจดีย์หลวง หลวงปู่แหวน หลวงปู่ตื้อ และหลวงปู่คำแสน ก็ได้มาอาราธนาองค์หลวงปู่มั่น ได้มาพำนักที่วัดป่าแม่ออนด้วย ซึ่งถือเป็นพระท้องถิ่นจากฝ่ายมหานิกายรูปแรก ที่ได้เป็นศิษย์องค์หลวงปู่มั่น ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยมิได้ต้องญัตติเป็นพระสงฆ์ในฝ่ายธรรมยุติ คงอยู่ในฝ่ายมหานิกายตลอดสมณเพศ
องค์หลวงปู่มั่น ได้เมตตามาพักยังวัดป่าแม่ออน พร้อมด้วยคณะศิษย์ ซึ่งหลวงปู่คำแสน และคณะศรัทธาได้ถวายการต้อนรับอย่างเต็มที่ ต่อมาเมื่อคณะสงฆ์พระกรรมฐานได้ขาดช่วงไป วัดป่าแม่ออน ก็ถูกชาวบ้านเข้ามาจับจองพื้นที่ จนสูญสลายไป
ภายหลังหลวงปู่คำแสน ยังได้ธุดงค์ไปที่ต่างๆ โดยเฉพาะมายัง จ.นครราชสีมา ไปอยู่กับพระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม
ท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2522 สิริอายุได้ 86 ปี 65 พรรษา

หลวงปู่คำแสน คุณาลงฺกโรวัดดอนมูล อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ (รูปจาก คุณอุเทน การคิด)
โอวาทคำสอนขององค์หลวงปู่มั่นที่ให้ไว้กับหลวงปู่คำแสน อีกทั้งจากบันทึกของหลวงพ่อเปลี่ยน ปญฺญาปทีโป ได้เคยขอให้หลวงปู่คำแสนได้เล่าถึงไว้ เมื่อปี พ.ศ. 2510 ได้แก่
"ทำจริงก็คงจะได้เห็นของจริงเท่านั้น"
"เมื่อนักปราชญ์ทั้งหลายจะสวดก็ดี จะรับศีลก็ดี หรือจะทำการกุศลใดๆ ก็ดี ต้องตั้งนะโม ก่อน จะทิ้ง นะโม ไม่ได้เลย เมื่อเป็นเช่นนี้ นะโม ก็ต้องเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อขึ้นมาพิจารณา ก็ได้ความปรากฏว่า นะ คือธาตุน้ำ โม คือธาตุดิน พร้อมกับบทพระคาถาว่า มาตาเปติกสมฺภโว โอทนกุมฺมาสปจฺจโย เมื่อสัมภวธาตุของมารดาของบิดาผสมกันจึงเป็นตัวตนขึ้นมา เมื่อคลอดจากครรภ์มารดาแล้ว ได้รับข้าวสุกเป็นเครื่องเลี้ยง จึงเจริญเติบโตขึ้นมาได้ นะ เป็นธาตุของมารดา โม เป็นธาตุของบิดา"
"สมบัติทั้งหลายในโลกนี้ ก็ต้องออกไปจาก นะโม ทั้งสิ้น ของใครก็ก้อนของใคร ต่างคนต่างถือเอาก้อนอันนี้ ถือเอาเป็นสมบัติบัญญัติตามกระแสแห่งน้ำโอฆะ จนเป็นอวิชชาตัวก่อภพก่อชาติด้วยการไม่รู้เท่า ด้วยการหลงถือว่าตัวเป็นของเรา เป็นของเราไปหมด"
นอกจากนั้นท่านพระอาจารย์มั่น ได้สอนให้พิจารณาถึงมรณานุสสติ ให้พิจารณาถึงร่างกายของเรา ให้มองให้เห็นกระดูกของเรา ถ้าเราเป็นพ่อแม่ เมื่อเวลาอุ้มลูกก็ให้พิจารณาว่า เป็นกระดูกมาห้อยคอ (ส.กวีวัฒน์, 2563:163-165)
จากบันทึกประวัติหลวงปู่จาม ได้บันทึกข้อธรรมจากองค์หลวงปู่มั่น ที่หลวงปู่คำแสนได้เล่าให้หลวงปู่จามฟังไว้ ดังนี้
....ครูบามั่น เพิ่นว่า "มโน" อยู่ในจิตทั้งหมด ตัวเฮานี้หล่ะ ตุ๊หลานเอ๊ย อย่าว่าไปมาก มันจะเมาหัวเมาท้าย...
... ครูบา (คำ) แสนนี้เพิ่นชอบพอกับท่านอาจารย์แหวน (สุจิณฺโณ) มากกว่าองค์ใด ไปมาติดต่อ ปฏิบัติร่วมกันอยู่เสมอ เป็นพระเมืองเหนือที่สดใสได้ใจของตนอีกองค์หนึ่ง เวลาที่เพิ่นอู้ถึงครูบาศรีวิชัย (สิริวิชฺชโยภิกฺขุ) อู้ถึงเพิ่นครูอาจารย์มั่น (ภูริทตฺโต) นี้ยกมือใส่หัวทุกครั้ง เพิ่นเคารพนับถือมากในครูบาเฒ่าเจ้าธรรมสององค์นี้... (พระธมฺมธโร ครูบาแจ๋ว, 2555:226-227)
อ้างอิง
● พระบวร พุทฺธญาโณ, ใต้จิตสำนึก หลวงปู่ขาว อนาลโย, คณะศิษยานุศิษย์วัดถ้ำกลองเพล : อุดรธานี, 2532.
● พระราชธรรมเจติยาจารย์ (วิริยังค์ สิรินฺธโร), ประวัติพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ (ฉบับสมบูรณ์), สถาบันพลังจิตตานุภาพ : กรุงเทพฯ, 2541.
● พระราชนิโรธรังสี คัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (เทสก์ เทสรังสี), อัตตโนประวัติพระราชนิโรธรังสี คัมภีรปัญญาวิศิษฏ์(เทสก์ เทสรังสี), ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพฯ, พ.ศ.2539
● หลวงปู่ขาว อนาลโย, โครงการหนังสือบูรพาจารย์เล่มที่ 10, รศ.ดร.ปฐม-ภัทรา นิคมานนท์ : กรุงเทพฯ, 2548.
● มูลนิธิหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ, อนุสรณ์หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ, โรงพิมพ์มูลนิธินวมราชานุสรณ์ : นครนายก, มปพ.
● พระญาณวิริยะ, ประวัติย่อ พระอาจารย์มั่นฯ ในหนังสือที่ระลึกงานฌาปนกิจ นางพุ่ม งามเอก พ.ศ.2520.
● พระครูญาณวิริยะ, ทางสู่สันติ ประวัติพระครูอุดมธรรมคุณ (ทองสุก สุจิตฺโต) พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ, 2509.
● บทความ "หลวงปู่มั่นบำบัดอาพาธด้วยธรรม" โดย ส.กวีวัฒน์ จากหนังสือ จารึกไว้ในล้านนา พ.ศ.2563.
● บทความ "หลวงปู่มั่นกับชาวสันกำแพง" โดย ส.กวีวัฒน์ จากหนังสือ จารึกไว้ในล้านนา พ.ศ.2563.
● หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ริ้วห่อทอง ฉบับสมบูรณ์ เนื่องในพิธีพระราชทานเพลิงศพ วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2547 โดย พระมหาธีรนาถ อคฺคธีโร.
● รอยจารึกปฏิปทาบูรพาจารย์ วัดป่าน้ำริน, อ.สุทิน ร่มเย็น, พ.ศ. 2554.
● ประวัติวัดป่าดาภิรมย์, พระพุทธพจนวราภรณ์ (หลวงปู่จันทร์กุสโล) พ.ศ. 2548.
● ครบรอบ 90 ปี พระราชพุทธิมงคล หลวงปู่ทองบัว ตนฺติกโร, คณะศิษยานุศิษย์, พ.ศ. 2554.
แสดงความเห็น >>คลิ๊กที่นี่<<