ตามรอยองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ร่วมเดินไปยังสถานที่ที่เกี่ยวเนื่อง กับองค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต พร้อมเรื่องราวความสำคัญ ศิษยานุศิษย์ที่เข้ามาฝากตัว เป็นสานุศิษย์ถักทอสู่ "กองทัพธรรมพระกรรมฐาน" โดยเว็บมาสเตอร์ www.luangpumun.org และสุดยอดแฟนพันธุ์แท้ ศิษยานุศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต จากรายการ แฟนพันธุ์แท้ 2018

เมนูหลัก ตามรอยองค์หลวงปู่มั่น คลิ๊ก

จำพรรษาป่าเมี่ยงห้วยทราย หลวงปู่ขาวน้อมเป็นศิษย์
ป่าเมี่ยงห้วยทราย อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย พ.ศ.
2476
ตามรอยองค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ตอนที่ 36

หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ถ่ายเมื่อปี พ.ศ. 2483 ที่จังหวัดนครราชสีมาภายหลังกลับจากบำเพ็ญภาวนาในภาคเหนือติดต่อกันเป็นเวลา 12 ปี (พ.ศ. 2472-2483) (รูปโดย ดร.นระ คมนามูล, ข้อมูลจาก http://www.luangpumun.org)

ป่าเมี่ยงดินแดนลอยฟ้าเหมาะสมกับการภาวนา


พระอาจารย์คำบ่อ ฐิตปญฺโญวัดใหม่บ้านตาล อำเภอสว่างแดนดิน จังหวัดสกลนคร
(รูปโดยผู้เขียน, 2550)

ป่าเมี่ยง คือ พื้นที่ที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของต้นเมี่ยง ซึ่งต้องเป็นพื้นที่ภูเขาสูง บนภูเขาที่มีระดับความสูงตั้งแต่ 900-1,400 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ป่าดิบเขา มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี ยังสอดคล้องกับการสัมภาษณ์ หลวงปู่คำบ่อ ฐิตปญฺโญ วัดใหม่บ้านตาล อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ซึ่งท่านเคยธุดงค์และจำพรรษาในภาคเหนือเป็นเวลาหลายปี ท่านได้ให้ข้อมูลว่า การพักในป่าเมี่ยง นอกจากอากาศเย็นสบายแล้ว ยังเป็นพื้นที่ที่ไม่มียุง ทำให้ไม่มีโอกาสเป็นไข้มาลาเรียด้วย พระจึงมักไปพักภาวนากัน (พระอาจารย์คำบ่อ ฐิตปญฺโญ สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 ณ วัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯ) กลุ่มเกษตรกรที่อาศัยอยู่กันเป็นกลุ่ม เพื่อทำการเพาะปลูกเมี่ยง เรียกพื้นที่บริเวณนั้นว่า “บ้านป่าเมี่ยง” ซึ่งจะเป็นผู้ดูแลพระสงฆ์ที่จาริกไปภาวนาอยู่ที่ป่าเมี่ยงนั้น


(บน) ต้นเมี่ยงหรือต้นชา
(ล่าง) ใบเมี่ยงที่ผ่านกรรมวิธีที่สามารถรับประทานได้ (รูปโดยผู้เขียน, 2556)

 ป่าเมี่ยง ที่เกี่ยวเนื่องกับหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ประกอบด้วย ป่าเมี่ยงห้วยทราย และป่าเมี่ยงขุนปั๋ง ซึ่งผู้เขียนจะลำดับเหตุการณ์ และกล่าวถึงการสำรวจสภาพปัจจุบันของพื้นที่ป่าเมี่ยงในแต่ละแห่งตามลำดับ ดังนี้ ป่าเมี่ยงห้วยทราย เป็นสถานที่ที่หลวงปู่มั่นจำพรรษาในปี พ.ศ. 2476 ส่วนป่าเมี่ยงขุนปั๋ง เป็นสถานที่ที่จำพรรษาในปี พ.ศ. 2477 นอกจากนั้นยังมีป่าเมี่ยงอีกแห่งหนึ่งที่ถูกกล่าวถึงบ่อยครั้งในประวัติพระอาจารย์ที่ได้จาริกในจังหวัดเชียงใหม่ คือ ป่าเมี่ยงแม่สาย

เดินทางมาจำพรรษา ณ ป่าเมี่ยงห้วยทราย


รูปถ่ายเก่า วัดเจดีย์หลวง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
(รูปจากสมโภช 600 ปี วัดเจดีย์หลวง)

ในช่วงปลายปี พ.ศ.2474 ที่ท่านได้ลงไปเยี่ยมอาพาธ ท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ ที่วัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ นั้น ท่านน่าจะได้รับมอบหมายตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวง ซึ่งท่านรับตำแหน่งด้วยความจำยอม ด้วยความเคารพในเจ้าคุณอุบาลีฯ ที่อาพาธอยู่ ช่วงต้นปี พ.ศ.2475 ท่านได้เดินทางมาถึงวัดเจดีย์หลวงและเข้าจำพรรษาในปี พ.ศ. 2475

พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท)
(รูปจาก พระอุบาลีคุณูปมาจารย์, 2469)

หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต
(รูปจาก ฐานข้อมูล Admin)

ภายหลังจากท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ มรณภาพและทำการพระราชทานเพลิงเรียบร้อยแล้ว พอออกพรรษาผ่านไปแล้วประมาณ 1 เดือน ท่านได้ปลดเปลื้องภาระตำแหน่งสมณศักดิ์ เพื่อออกวิเวกเพื่อทำความรู้แจ้ง ตามความปรารถนาเดิม


รูปถ่ายเก่า วัดบรมนิวาส เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร
(รูปจาก คณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ, 2547)

การเดินทางออกจากวัดเจดีย์หลวงในครั้งนี้ ถือว่าเป็นการจาริกทีมีปลายทางไกลกว่าครั้งก่อนๆ ตามบันทึกประวัติองค์หลวงปู่มั่น โดยหลวงพ่อวิริยังค์ ได้ให้รายละเอียดว่า ท่านจาริกมาทางอำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเป้าหมายไปถึงจังหวัดเชียงราย เพื่อให้ใกล้กับชายแดนประเทศพม่าให้มากที่สุด ต่อมาท่านได้มาพำนักที่ป่าเมี่ยงห้วยทราย เนื่องจากเห็นว่าเหมาะแก่การบำเพ็ญเพียร และชาวบ้านยังได้สร้างกระต๊อบถวายให้ท่านพักอาศัย (พระราชธรรมเจติยาจารย์, 2541:245-252)

หลวงปู่ขาวกับหลวงปู่แหวน ขึ้นมาศึกษาธรรมะก่อนเข้าพรรษา

ในประวัติหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ ได้กล่าวว่า หลวงปู่แหวนได้เดินทางจากกรุงเทพฯ ขึ้นมาจังหวัดเชียงใหม่ ภายหลังจากไปพยาบาลพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) ที่วัดบรมนิวาส เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ได้มาพบกับ หลวงปู่ขาว อนาลโย ที่ถ้ำแก่งหลวง (ในหนังสือประวัติหลวงปู่ขาว เรียกว่า ถ้ำแจ้งหลวง อยู่ในจังหวัดลำปาง) ท่านทั้งสอง คือ หลวงปู่ขาวกับหลวงปู่แหวน ได้ร่วมเดินทางตามหาหลวงปู่มั่น


สภาพบ้านเรือนภายในบ้านห้วยทราย ตำบลแม่เจดีย์ อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย
(รูปจาก ป่าเมี่ยงในประวัติหลวงปู่มั่น, 2556)

ท่านทั้งสองเดินทางจนไปถึงบ้านแม่ขะจาน อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ได้สอบถามชาวบ้านจนทราบว่า "เคยเห็นตุ๊เจ้าป่า มาจำพรรษาอยู่แถวนี้บ้างไหม?"

"ชาวบ้านบอกว่าเห็นมีอยู่ 2 องค์ พักอยู่ที่ป่าเมี่ยงห้วยทราย เมื่อ 2-3 วันก่อน เห็นตุ๊เจ้าสาร ลงมาเย็บผ้าอยู่กับชาวบ้าน"

เมื่อทราบดังนั้นแล้ว หลวงปู่ขาวกับหลวงปู่แหวน ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะมั่นใจว่าจะต้องเป็นองค์หลวงปู่มั่นอย่างแน่นอน อยู่กับ “ตุ๊เจ้าสาร” ซึ่งก็คือ พระอาจารย์สาร สุจิตฺโต ก็เป็นได้

ท่านทั้งสอง จึงรีบเดินทางไปต่อตามที่ชาวบ้านแนะนำ จนได้กราบนมัสการหลวงปู่มั่นที่บ้านป่าเมี่ยงห้วยทราย และรับการอบรมจากท่าน ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่หลวงปู่ขาวได้กราบองค์หลวงปู่มั่น ณ บ้านป่าเมี่ยงห้วยทรายแห่งนี้ องค์หลวงปู่มั่น ได้เมตตาแสดงธรรมสั่งสอน ย้ำอุบายแนวทางแก่ลูกศิษย์ทุกวัน

จนกระทั่งใกล้ช่วงเวลาเข้าพรรษา หลวงปู่มั่นได้กล่าวกับหลวงปู่ขาวและหลวงปู่แหวนว่า ให้แยกย้ายกันไปหาที่จำพรรษาแห่งอื่น จะอยู่รวมกันทั้งหมดที่ป่าเมี่ยงห้วยทรายไม่ได้ เนื่องจากเป็นหมู่บ้านขนาดเล็กเพียง 5-6 หลังคาเรือน อาศัยการทำสวนเมี่ยง และหาของป่ามาขายเป็นหลักในการทำมาหาเลี้ยงชีพ จึงอาจเป็นภาระกับชาวบ้าน

หลวงปู่ขาวกับหลวงปู่แหวนจึงไปจำพรรษาที่ “ป่าเมี่ยงขุนปั๋ง” อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากเป็นพื้นที่เหมาะสม และอยู่ไม่ห่างไกลจากป่าเมี่ยงห้วยทรายมากนัก พอจะเดินทางมากราบหลวงปู่มั่นที่ป่าเมี่ยงห้วยทรายได้ โดยใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง (มูลนิธิหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ, มปพ.:69-70)

จำพรรษาป่าเมี่ยงห้วยทรายพิจารณาการปฏิบัติธรรมในกาลข้างหน้า

พอถึงช่วงเข้าพรรษาในปี พ.ศ.2476 หลวงปู่มั่น ท่านได้จำพรรษา ณ ป่าเมี่ยงห้วยทรายแห่งนี้ แต่ไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่า ยังมีท่านใดจำพรรษาด้วยหรือไม่ ซึ่งอาจจะจำพรรษากับพระอาจารย์สาร ตามที่ชาวบ้านได้ให้ข้อมูลไว้ในตอนต้น หรืออาจจะเป็น พระอาจารย์พร สุมโน ที่ออกพรรษาปรากฏว่าท่านได้เดินทางมาที่ ป่าเมี่ยงขุนปั๋งกับองค์หลวงปู่มั่น ก็เป็นได้


วัดห้วยทราย บ้านห้วยทราย ตำบลแม่เจดีย์ อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย
(รูปโดยผู้เขียน, 2556)

การภาวนาขององค์หลวงปู่มั่น ที่ป่าเมี่ยงห้วยทรายแห่งนี้ ท่านได้พิจารณาเห็นว่า ในอนาคตการทำกัมมัฏฐานจะรุ่งโรจน์ในเมือง ป่าเขาจะเหลือน้อย วัดป่าจะเกิดมากขึ้น โดยมีรายละเอียด บันทึกประวัติองค์หลวงปู่มั่น โดยหลวงตามหาบัว ดังนี้

“... ต่อไปการทำกัมมัฏฐานของพระภิกษุสามเณรนั้นจะรุ่งโรจน์ แต่จะไปรุ่งโรจน์ในเมือง และการธุดงค์ของพระภิกษุสามเณรนั้นจะเบาบางลงไป เพราะจะไปหาป่าเขาวิเวกยากยิ่งขึ้น ประกอบกับความไม่เข้าใจของการธุดงค์ ที่จะทำให้เกิดผลอย่างแท้จริง มีแต่จะธุดงค์พอเห็นเหมาะก็สร้างวัดกัน เพื่อจะให้เป็นแหล่งบำเพ็ญสมณธรรมตามประเพณีไปเท่านั้น เพราะแต่ละแห่งญาติโยมเขาต้องการพระที่จะอยู่กับเขา สั่งสอนเขาให้ได้ความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติ จึงทำให้เกิดเป็นวัดป่ากันมากขึ้น

...ส่วนในเมืองทั่ว ๆ ไปญาติโยมก็จะสนใจการปฏิบัติธรรมมาก และจะเกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด ได้ผลบ้าง ไม่ได้ผลเต็มเม็ดเต็มหน่วยบ้าง แต่ก็ยังดี จะได้เป็นกำลังของการปฏิบัติ ท่านว่าผู้ใหญ่ผู้โต พ่อค้าวาณิชชาวเมืองจะพากันสนใจกัมมัฏฐานมากขึ้นในอนาคต” (พระราชธรรมเจติยาจารย์, 2541:251-253)

ออกพรรษาแล้ว องค์หลวงปู่มั่น พร้อมด้วยหลวงปู่พร สุมโน ได้เดินทางจากป่าเมี่ยงห้วยทราย มาสมทบกับหลวงปู่ขาวกับหลวงปู่แหวน ที่ป่าเมี่ยงขุนปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ซึ่งต่อมาหลวงปู่เทสก์และหลวงปู่อ่อนสี ได้ตามขึ้นไป เพื่อไปกราบองค์หลวงปู่มั่นอีกเช่นกัน (มูลนิธิหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ, มปพ.:73)

ป่าเมี่ยงห้วยทรายในปัจจุบัน

จาก “จารึกไว้ในลานนา” โดย ส.กวีวัฒน์ และจากบทความ “ป่าเมี่ยงในประวัติหลวงปู่มั่น” โดย Admin จากการเรียบเรียงและการลงพื้นที่ ได้ระบุว่า ป่าเมี่ยงห้วยทรายแห่งนี้ปัจจุบัน คือ บ้านห้วยทราย ต.แม่เจดีย์ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย การเดินทางยังคงเข้ายาก พืชเศรษฐกิจยังนิยมปลูกเมี่ยงกันอยู่ จึงเป็นที่มาของอีกชื่อหนึ่งของหมู่บ้านว่า “ป่าเมี่ยงห้วยทราย” มีศาสนสถานประจำหมู่บ้าน คือ วัดห้วยทราย สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย


(ซ้าย) ต้นไม้ใหญ่ด้านตะวันออกของบ้านห้วยทราย ตำบลแม่เจดีย์ อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงรายที่กล่าวว่าเคยมีพระธุดงค์มากางกลด
(ขวา) ห้วยทรายที่ไหลผ่านบริเวณต้นไม้ใหญ่ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสำคัญของหมู่บ้านห้วยทราย
(รูปโดยผู้เขียน, 2556)

สำหรับตำแหน่งที่องค์หลวงปู่มั่นจำพรรษานั้นไม่ชัดเจน แต่เล่าสืบต่อกันมาว่า ในอดีตเคยมีพระธุดงค์มาพักที่หมู่บ้านบ่อย ถ้าไม่พักที่วัดห้วยทรายก็จะไปกางกลดพำนักกันที่ต้นไม้ใหญ่ในป่า ริมลำห้วยด้านทิศตะวันออกของหมู่บ้าน

ความทรงจำของลูกหลานในป่าเมี่ยงห้วยทราย ที่จะบอกเล่าถึงองค์พระบูรพาจารย์ ถึงแม้จะจางหายไป แต่เรื่องราวที่ผ่านการบันทึกยังมิได้เลือนหายไป ดั่งคำสอนที่สืบทอดยังคงสว่างไสวทั่วหล้าในปัจจุบัน

 

บรรณานุกรม

คณะศิษยานุศิษย์, 80 ปี หลวงพ่อคำบ่อ ฐิตปัญโญ, วัดใหม่บ้านตาล : สกลนคร, 2554.
คณะศิษยานุศิษย์, ตามรอยพระอาจารย์พรหม จิรปุญโญ พระอรหันต์แห่งบ้านดงเย็น, วัดประสิทธิธรรม : อุดรธานี, 2549.
เฉลิมชนม์ บุญเกียรติสกุล, ภูมิปัญญาท้องถิ่นกับการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพของอาหารธรรมชาติในป่าเมี่ยง กรณีศึกษา บ้านปางมะโอ ตำบลแม่นะ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่, วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาวิชาการใช้ที่ดินและการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2550.
ดำรง ภู่ระย้า, หลวงปู่อ่อนสี สุเมโธ, นิตยสารโลกทิพย์ (ฉบับที่ 76 ปีที่ 5) มีนาคม (ฉบับแรก), 2529.
เนาวรัตน์ ลินพิศาล, การประเมินความยั่งยืนและปัจจัยที่มีผลต่อความยั่งยืนของชุมชนป่าเมี่ยงใน
ภาคเหนือของประเทศไทย, วิทยานิพนธ์วิทยาศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาเศรษฐศาสตร์เกษตร บัณฑิตวิทยาลัยมหาวิทยาลัยเชียงใหม่, 2551.
พระบวร พุทฺธญาโณ, ใต้จิตสำนึก หลวงปู่ขาว อนาลโย, คณะศิษยานุศิษย์วัดถ้ำกลองเพล : อุดรธานี, 2532.
พระราชธรรมเจติยาจารย์ (วิริยังค์ สิรินฺธโร), ประวัติพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ (ฉบับสมบูรณ์), สถาบันพลังจิตตานุภาพ : กรุงเทพฯ, 2541.
พระราชนิโรธรังสี คัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (เทสก์ เทสรังสี), อัตตโนประวัติพระราชนิโรธรังสี คัมภีรปัญญาวิศิษฏ์(เทสก์ เทสรังสี), คณะศิษยานุศิษย์วัดป่าเชิงเลน : กรุงเทพฯ, 2549.
มูลนิธิหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ, อนุสรณ์หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ, โรงพิมพ์มูลนิธินวมราชานุสรณ์ : นครนายก, มปพ.
http://www.baanjomyut.com, ป่าเมี่ยง, Online, เข้าถึงเมื่อ 28 มกราคม 2557.
Adminแฟนพันธุ์แท้ศิษย์หลวงปู่มั่น และ บทความ ป่าเมี่ยงในประวัติหลวงปู่มั่น พ.ศ.2565 https://www.facebook.com/100039176607158/posts/pfbid026o6sw9Tuar95XFsZBA5DobFPYavePp9Ezk9kkGPMD4bfooiZpmi2ApQMRWxov3Fvl/?mibextid=Nif5oz

 

< ตอนก่อนหน้า : ตอนต่อไป >