ตามรอยองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

ร่วมเดินไปยังสถานที่ที่เกี่ยวเนื่อง กับองค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต พร้อมเรื่องราวความสำคัญ ศิษยานุศิษย์ที่เข้ามาฝากตัว เป็นสานุศิษย์ถักทอสู่ "กองทัพธรรมพระกรรมฐาน" โดยเว็บมาสเตอร์ www.luangpumun.org และสุดยอดแฟนพันธุ์แท้ ศิษยานุศิษย์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต จากรายการ แฟนพันธุ์แท้ 2018

เมนูหลัก ตามรอยองค์หลวงปู่มั่น คลิ๊ก

บันทึกธรรมองค์หลวงปู่มั่น โนนนิเวศน์ พ.ศ. 2483
วัดป่าโนนนิเวศน์ อ.เมือง จ.อุดรธานี พ.ศ. 2483-2484
ตามรอยองค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ตอนที่ 48

รวมรูปพระจากร้านโปร - OneDrive - Google Chrome
หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร ท่านได้อยู่พำนักและจำพรรษากับองค์หลวงปู่มั่นตั้งแต่ประมาณเดือนตุลาคม พ.ศ. 2483 จนกระทั่งก่อนเข้าพรรษาปี พ.ศ. 2484 เป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม ในช่วงที่องค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ยังอยู่ที่ จ.อุดรธานีนี้ หลวงปู่หลุย ได้บันทึกข้อธรรมย่อๆ และอุปนิสัยองค์หลวงปู่มั่นไว้ เป็นหนึ่งในบันทึกสำคัญที่เกี่ยวเนื่องกับพระบูรพาจารย์ (รูปจาก ฐานข้อมูล Admin)

8. บันทึกธรรมวัดป่าโนนนิเวศน์

          ในพรรษาปี พ.ศ. 2483 หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร จำพรรษา ณ ถ้ำโพนงาม ต.นาอ้อ อ.กุดบาก จ.สกลนคร เมื่อท่านได้ทราบว่าองค์หลวงปู่มั่นมาจำพรรษายังวัดโนนนิเวศน์ เมื่อถึงวันออกพรรษาปีนั้น ซึ่งตรงกับวันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2483 ท่านก็ออกเดินทางมากราบองค์หลวงปู่มั่น ใช้เวลาเดินทางข้ามจังหวัดเพียง 2 วันก็ถึงจุดหมาย คือในวนที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2483 ด้วยแรงศรัทธาในครูบาอาจารย์ที่ไม่ได้พบกันนับแต่องค์หลวงปู่มั่นจาริกไปยังภาคเหนือ ตามที่ท่านเคยกล่าวไว้ว่า "ยั้งไม่หยุด ฉุดไม่อยู่" นับแต่นั้น หลวงปู่หลุย ได้อยู่ร่วมกับองค์หลวงปู่มั่น ทั้งที่วัดป่าโนนนิเวศน์และบ้านน้ำเค็ม จนกระทั้งก่อนเข้าพรรษาในปี พ.ศ. 2484 หลวงปู่หลุยจึงเดินทางไปจำพรรษายังวัดป่าห้วยหีบ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร

          กล่าวกันว่าองค์หลวงปู่มั่น จะแสดงธรรมทุก 5-6 วัน โดยเฉพาะวันธรรมสวนะ มีพระเณรฟังธรรมอย่างเนืองแน่น หลวงปู่หลุยได้บันทึกธรรมไว้ในลักษณะหัวข้อธรรมสั้นๆ ที่องค์หลวงปู่มั่นได้แสดงไว้ทั้งที่วัดป่าโนนนิเวศน์ และบ้านน้ำเค็ม โดยหลวงปู่หลุยเริ่มบันทึกไว้ตั้งแต่วันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2483 ซึ่งน่าจะเป็นวันที่หลวงปู่หลุยมาถึงที่วัดป่าโนนนิเวศน์ ไว้ดังนี้

ปัญญากับสติให้รู้เท่าทันกัน
พิจารณากาย จิต ความไม่เที่ยงของสังขารเป็นธรรมะสื่อให้เห็นเรื่อย ๆ ทำความรู้ในนั้น เห็นในนั้น ๆ
ในโลกนี้เป็นธาตุทั้งนั้นให้รู้เท่าทันกับธาตุอย่าหลงตามธาตุ
มหาสติเรียนกายจิตให้มาก ๆ
ให้เห็นจริง ธรรมะจริง สมมุติ อย่าหลงรูป เสียง กลิ่น รส ของอันนี้เต็มโลกอยู่เช่นนั้น
ให้เห็นปัจจุบันธรรม อย่าส่งจิตอนาคตและอดีต
ธาตุ 84,000ธาตุออกมาจากจิตหมด
นิโรธเป็นของดับเพราะรู้เท่าแล้ว จิตไม่เกิดยินดี ยินร้าย ดับไปเช่นนี้ ชื่อว่านิโรธ
แสดงฌานเป็นที่พักชั่วคราวแล้วเจริญต่อๆ ไป
ให้เอากาย วาจา ใจนี้ยกขึ้นพิจารณา อย่าเพิ่มอย่าเอาออก ให้เห็นเป็นปกติ
มรรค 8 นั้น สมาธิมรรคเป็นองค์ 1 นอกนั้นเป็นปริยาย
ให้รู้ธรรมะและอาการของธรรมถึงขั้นละเอียดแล้วก็จะรู้เองเห็นเอง
แสดงตนดูถูกท่านว่าท่านเป็นคนโกรธ เพราะผู้ฟังไม่เห็นตามความเป็นจริง
เกิดตาย เกิดแล้วตาย ชมแต่หนังของเก่า อย่าไปเอามา ให้รู้เฉพาะปรกติของจิต
ทำจิตให้เสมออย่าขึ้นอย่าลง อย่าไปอย่ามา ให้รู้เฉพาะปกติของจิต
แสดงฐานของธรรมะเป็นบ่อเกิดอริยสัจของจริง
เกิดความรู้อย่างพิเศษแล้วย่อมมหาอานิสงส์ประมาณไม่ได้
อัตฺตาหิ…. ฯลฯ เป็นของลึกลับเหลือที่สุด
ถ้าส่งจิตรู้เห็นนอกกายเป็นมิจฉาทิฐิ ให้อยู่ในกายกับจิตนั้น เป็นสัมมาทิฐิ
นักปฏิบัติใจต้องเด็ดเดี่ยวกล้าหาญที่สุดจึงจะรู้ธรรมเห็นธรรม
ให้รู้ธาตุเห็นธาตุ จิตจึงไม่ติดทางราคะ
คนเราจะดีจะชั่วต้องเกิดวิบัติเสียก่อน
ท่านบอกว่าท่านเป็นคนราคะโทสะจริต แรงทางราคะ ทางโทสะ กัดติดดังควาย นิสัยใจคอเด็ดเดี่ยวมาก
แสดงแก้ตำราพราหมณ์ดีนัก หนังสือล้วนๆ ไม่มีบาลีอ้าง

นอกจากนั้น หลวงปู่หลุย ยังได้บันทึกลักษณะนิสัยขององค์หลวงปู่มั่น ด้วยความชื่นชมและศรัทธาในอัจฉริยภาพของครูอาจารย์ ไว้ดังนี้

• "ท่านภาวนาสถานที่เป็นมงคล มีเทวดามานมัสการตั้งหมื่น ท่านรู้ได้ด้วยภาวนาขั้นละเอียดฯ อมนุษย์ท่านก็รู้ได้"

• "ท่านอาจารย์มั่น ท่านเป็นคนเด็ดเดี่ยวสละชีวิตถึงตาย สลบไป 3 คราว และท่านต้องการคนใจเด็ดเป็นสานุศิษย์ฯ"

• "ท่านทำตัวของท่านใหม่อยู่ในตระกูลทั้งหลาย ไม่ทำตัวของท่านให้คุ้นเคยในตระกูลเลย การไปมาของท่านไปโดยสะดวก มาโดยสะดวกไม่ขัดข้องในตระกูล"

• "เป็นคนมักน้อยชอบใช้บริขารของเก่าๆ ถึงได้ใหม่บริจาคทานให้คนอื่น ข้อวัตรหมดจดดี สติตั้งอยู่ในสติปัฏฐานเสมอ เป็นผู้ไม่ละกาลวาจาพูดก็ดีเทศน์ก็ดี ไม่อิงอามิสลาภ สรรเสริญวาจาตรงตามอริยสัจตามความรู้ความเห็น อ้างอริยสัจเป็นหลักฐานเสมอ กาย วาจา ใจ เป็นอาชาไนยล้วน"

• "ท่านประพฤติตนเป็นคนขวนขวายน้อยอามิส หมดจดในข้อวัตร และหมดจดในธรรมะ พ้นวิสัยเทวดา และมนุษย์ที่จะติเตียนได้ ไม่เป็นข้อล่อแหลมในศาสนา ท่านได้วัตถุสิ่งใดมา ท่านสละทันที สงเคราะห์หมู่พรหมจรรย์ฯ"

• "สิ่งของอันใดท่านอยู่ที่ไหน เขาถวาย ท่านก็เอาไว้ให้พระเณรใช้ ณ ที่นั้น ท่านไม่ได้เอาไปด้วยฯ"

• "มีคนไปหาท่านอาจารย์มั่น ท่านไม่ดูคน ท่านดูจิตของท่านเสียก่อน จึงแสดงออกไปต้อนรับแขกผู้มาถึงถิ่น อนึ่ง ท่านหันข้างและหันหลังใส่แขกท่านพิจารณาจิตของท่านก่อน แล้วพิจารณานิสัยของผู้อื่น นี้เป็นข้อลี้ลับมาก ต่อนั้นถ้าจะเอาจริงจังต้องประชันต่อหน้ากันจึงเห็นความจริงฯ"

• "จิตของท่านผ่าอันตรายลงไปถึงฐานของธรรมะนี้มีราคามาก บ่งความเห็นว่าเป็นอาชาไนยโดยแท้"

• "ปฏิบัติธรรมท่านพูดทรมานใครแล้วย่อมได้ดีทุกๆ คน ถ้าหมิ่นประมาทแล้วย่อมเกิดวิบัติใหญ่โต"

• "ท่านมีนิสัยปลอบโยนเพื่อคัดเลือกคนดีหรือไม่ดี ในขณะท่านพูดเช่นนั้น ท่านหันกลับเอาความจริง เพราะกลัวศิษย์จะเพลินฯ"

• "นิสัยท่านเป็นคนใจเดียว ไม่เห็นแก่หน้าบุคคล ในเวลาถึงคราวเด็ดเดี่ยวต่อธรรมะวินัยจริงๆ"

• "ท่านเป็นคนไม่อวดรู้ แต่ธรรมะของท่านบอกเหตุผลไปต่างหากนี้เป็นข้อพึงวินิจฉัย"

• "หาบุคคลที่จะดูจริตของท่านรู้ได้ยาก เพราะท่านเป็นคนนิสัยลึกลับ จะรู้นิสัยได้ต่อเมื่อบุคคลที่มีภูมิจิตส่วนเดียวฯ"

• "ท่านผู้มีอำนาจในทางธรรมะ ทำอะไรได้ไม่ครั่นคร้าม ชี้เด็ดขาดลงไป ไม่มีใครคัดค้าน นี่เป็นอัศจรรย์มากฯ"

• "ท่านถือข้างใน ปฏิปทาความรู้ความเห็นของท่านเกิดจากสันตุฎฐี ความสันโดษของท่าน ท่านนิสัยไม่เป็นคนเกียจคร้าน ขยันตามสมณกิจวิสัย หวังประโยชน์ใหญ่ในศาสนาฯ"

• "ท่านอาจารย์มั่นเป็นผู้ที่สะอาด ไตรจีวร และเครื่องอุปโภคของท่านไม่ให้มีกลิ่นเลย ถูย้อมบ่อยๆ"

• "ท่านบวชในสำนักพระอรหันต์ 3 องค์ แต่เมื่อชาติก่อนๆ โน้น"

• "ท่านไม่ใคร่พยากรณ์ใครๆ เหมือนแต่ก่อน ท่านพูดแต่ปัจจุบันอย่างเดียว นิสัยท่านชอบเก็บเอาเครื่องบริขารของเก่าไว้ใช้ เพราะมันภาวนาดี เช่นจีวรเก่าเป็นต้นฯ"

• "ท่านไม่ติดอามิส ติดบุคคล ติดลาภ ยศ สรรเสริญ ท่านถือธรรมะเป็นใหญ่ ไปตามธรรมะ อยู่ตามธรรมะฯ"

• "ท่านพูดธรรมะไม่เกรงใจใคร ท่านกล้าหาญ ท่านรับรองความรู้ของท่าน ฉะนั้น ท่านจึงพูดถึงพริกถึงขิง ตรงอริยสัจ พูดดังด้วย พูดมีปาฏิหาริย์ด้วย เป็นวาจาที่บุคคลจะให้สิ้นทุกข์ได้จริงๆ เป็นวาจาที่สมถะวิปัสสนาพอ ไม่บกพร่องกำหนดรู้ตามในขณะกาย วาจา จิตวิกาลตรงกับไตรทวารสามัคคีเป็นวาจาที่เด็ดเดี่ยวขลังดีเข้มแข็งดี เป็นอาชาไนยล้วน วาจาไม่มีโลกธรรมติด เป็นธรรมชาติที่บริสุทธิ์ พระเณรอยู่ในอาวาสท่านได้สติมาก เพราะบารมีของท่านเสื่อม ถ้าขืนประมาทท่านเกิดวิบัติฯ"

• "ท่านอาจารย์มั่น เทวดาและอมนุษย์ไปนมัสการท่าน เท่าไรพันหรือหมื่นท่านกำหนดได้"

• "ท่านรักษาระวังเทวดามนุษย์ประมาทท่าน เช่นเยี่ยงท่านก็มีระเบียบแม้กิจเล็กๆ น้อยๆ เป็นระเบียบหมดฯ"

• "ท่านอาจารย์ท่านพูดโน้น คำนี้อยู่เสมอ เพื่อจะให้สานุศิษย์หลงเพื่อละอุปาทานถือในสิ่งนั้นๆ ท่านทำสิ่งที่บุคคลไม่ดำริไว้ สิ่งใดดำริไว้ท่านไม่ทำ นี้ส่อให้เห็นท่านไม่ทำตามตัณหาของบุคคลที่ดำริไว้ฯ"

• "จิตของท่านอาจารย์มั่นผ่าอันตรายลงไปตั้งอยู่ด้วยอมตธรรม บริบูรณ์ด้วยมหาสติ มหาปัญญา มีไตรทวารรู้รอบ มิได้กระทำความชั่วในที่ลับและที่แจ้ง และมีญาณแจ่มแจ้ง รู้ทั้งเหตุผลพร้อมกัน เพราะฉะนั้นแสดงธรรมมีน้ำหนักมาก พ้นวิสัยคนที่จะรู้ตามเห็นตาม เว้นแต่บุคคลบริบูรณ์ด้วยศีลและสมาธิมาแล้ว อาจที่ฟังเทศนาท่านเข้าใจแจ่มแจ้งดี และบุคคลนั้นทำปัญญาสืบสมาธิต่อฯ"

• "จิตท่านอาจารย์มั่นตื่นเต้นอยู่ด้วยความรู้ ไม่หยุดนิ่งได้ มีสติรอบเสมอ ไม่เผลอทั้งกายและวาจา เป็นผู้มีอริยธรรมฝังมั่นอยู่ในสันดาน ไม่หวั่นไหว ตอนนี้ไม่มีใครที่จะค้านธรรมเทศนาของท่านได้ เพราะวาจาเป็นอาชาไนย และมีไหวพริบแก้ปฤษณาธรรมกายได้ฯ"

• "ธาตุของท่านอาจารย์เป็นธาตุนักรู้เป็นธาตุที่ตื่นเต้นในทางธรรมะ เป็นผู้ที่รู้ยิ่งเห็นจริงในอริยสัจธรรม ท่านดัดแปลงนิสัยให้เป็นบรรพชิต ไม่ให้มีนิสัยหินเพศติดสันดาน ท่านประพฤติตนของท่านให้เทวดาและมนุษย์เคารพ และท่านไม่ประมาทในข้อวัตรน้อยใหญ่ฯ"

• "ท่านไม่ให้จิตของท่านนอนนิ่งอยู่อารมณ์อันเดียว ท่านกระตุกจิต จิตของท่านค้นคว้าหาเหตุหาผลของธรรมะอยู่เสมอ ท่านหัดสติให้รอบรู้ในอารมณ์และสังขารทั้งปวงฯ"

• "ท่านอาจารย์มั่น ท่านเก่งทางวิปัสสนา ท่านเทศน์ให้บริษัทฟัง สัญญา มานะเขาลด เจตสิกเขาไม่เกาะ เมื่อไม่เกาะเช่นนั้น ยิ่งทำความรู้เท่าเฉพาะในจิต ตรวจตราในดวงจิตขณะที่นั่งฟัง ต่อนั้นจะเห็นอานิสงส์ทีเดียว ไม่ทำเช่นนั้นหาอานิสงส์การฟังธรรมมิได้ ถ้าประมาทแล้วจะเกิดวิบัติเพราะมานะทิฐิของตน วินิจฉัยธรรมมิได้"

• "ท่านเทศน์อ้างอิงตำราและแก้ไขตำราดุจของจริงทีเดียว เพราะท่านบริบูรณ์วิปัสสนาและสมถะพอ และท่านยกบาลีเป็นตัวเหตุผลแจ่มแจ้ง"

• "ท่านอาจารย์มั่นอุบายจิตของท่านพอทุกอย่างไม่บกพร่อง คือพอทั้งสมถะ พอทั้งวิปัสสนาทุกอย่าง เพราะฉะนั้น ท่านเทศนาจิตของผู้ฟังหดและสงบ และกลัวอำนาจ เพราะนิสัยคนอื่นไม่มีปัญญาที่จะชอนเข็มโต้ถามได้ ตรงกับคำว่าพอทั้งปัญญา พอทั้งสติ ทุกอย่างเป็นอาชาไนยล้วน รวบรัดจิตเจตสิกของคนอื่นๆมิอาจจะโต้แย้งได้"

• "ท่านว่าแต่ก่อนท่านเป็นคน 'โกง' คน 'ซน' คน 'มานะกล้า' แต่ท่านมีธุดงค์ข้อวัตรทุกอย่างเป็นยอด ทำความรู้เท่าทันกิเลสเหล่านั้น เดี๋ยวนี้นิสัยก่อนนั้นกลายเป็นธรรมล้วน เช่น 'โกงสติ' 'ซนสติ' 'มานะสติ' เป็นคุณสมบัติสำหรับตัวของท่าน ความรู้ความฉลาดของท่าน ไปตามธรรมคืออริยสัจ ใช้ไหวพริบทุกอย่าง ตรงตามอริยสัจ ตรงกับคำว่าใช้ธรรมเป็นอำนาจ คณาจารย์บางองค์ถืออริยสัจก็จริง แต่มีโกงนอกอริยสัจ เป็นอำนาจบ้างแฝง แฝงอริยสัจ ตรงกับคำที่ว่า ใช้อำนาจเป็นธรรมแฝงกับความจริง"

• "ท่านอาจารย์เป็นนักปราชญ์แปดเหลี่ยมคม คมยิ่งนัก ธรรมชาติจิตของท่านที่บริสุทธิ์นั้น กลิ้งไปได้ทุกอย่างและไม่ติดในสิ่งนั้นด้วย ดุจน้ำอยู่ในใบบัว กลิ้งไปไม่ติดกับสิ่งอื่นๆ เพราะฉะนั้นจิตของท่านถึงผลที่สุดแล้ว มิอาจจะกระทำความชั่วในที่ลับและที่แจ้ง เพราะสติกับปัญญารัดจิตบริสุทธิ์ให้มั่นคง ใช้ไหวพริบเป็นอาชาไนยอยู่เนืองนิตย์"

          หลวงปู่หลุย ได้อยู่ศึกษากับองค์หลวงปู่มั่น นับแต่ออกพรรษาปี พ.ศ. 2483 จนกระทั่งก่อนเข้าพรรษาปี พ.ศ. 2484 ท่านเห็นว่าได้รับอุบายมาระยะหนึ่งแล้ว ควรจะลองมาฝึกเดี่ยวเองบ้าง จึงได้มาจำพรรษา ณ บ้ายห้วยหีบ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร (พระสาคร ปัญญาวุโธ, ผู้รวบรวม, 2533:85-96)

ลปจันศรี.pdf - Adobe Acrobat Reader (64-bit)
(รูปจาก สุริยาส่องฟ้า จันทร์ศรีส่องธรรม)

9) อำลาวัดป่าโนนนิเวศน์

9.1) จำพรรษา 2 พรรษา

          องค์หลวงปู่มั่นได้จำพรรษาที่วัดป่าโนนนิเวศน์ 2 พรรษา ระหว่างปี พ.ศ. 2483-2484 พอออกพรรษาแล้ว คณะศรัทธาญาติโยมชาวจังหวัดสกลนคร ได้พร้อมกันจัดรถไปกราบอาราธนานิมนต์ให้องค์หลวงปู่มั่น ไปโปรดชาวสกลนครบ้าง ต้นเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2484 องค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต จึงได้เดินทางไปสกลนคร พักวัดสุทธาวาส 15 วัน (จันทร์ศรีผ่องเพ็ญ, 2554:75) และจากบันทึกประวัติองค์หลวงปู่มั่น โดย หลวงตามหาบัว ดังนี้

... ท่านพักจำพรรษาที่วัดโนนนิเวศน์ จังหวัดอุดรธานี เป็นเวลา 2 พรรษา นับแต่จากจังหวัดเชียงใหม่มา พอออกพรรษาปีที่สองแล้ว คณะศรัทธาทางจังหวัดสกลนคร มีคุณแม่นุ่ม ชุวานนท์ เป็นต้น ซึ่งเคยเป็นลูกศิษย์เก่าแก่ของท่าน พร้อมกันมาอาราธนานิมนต์ท่านให้ไปโปรดทางจังหวัดสกลนคร ซึ่งท่านเคยอยู่มาก่อน ท่านยินดีรับอาราธนา คณะศรัทธาทั้งหลายต่างมีความยินดีพร้อมกันเอารถมารับท่านไปที่จังหวัดสกลนคร ในปลายปีพ.ศ. 2484 ท่านไปพักวัดสุทธาวาส สกลนคร ขณะที่ท่านพักอยู่มีประชาชนพระเณรพากันมากราบเยี่ยมและฟังโอวาทท่านมิได้ขาด ท่านพักวัดสุทธาวาสครั้งนั้นมีผู้มาขอถ่ายภาพท่านไว้กราบไหว้บูชา ... (หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน)

yannasumpannadhammanusornoreducesize.pdf - Adobe Acrobat Reader (64-bit)
หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ถ่ายหน้าเชิงตะกอนถวายเพลิงศพองค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต หลวงตาฯ ตั้งใจมากราบถวายตัวเป็นศิษย์หลวงปู่มั่น ที่วัดป่าโนนนิเวศน์ แต่มาถึงไม่ทัน (รูปจาก ญาณสัมปันนานุสรณ์)

9.2) มาไม่ทัน

          แต่ในขณะนั้น หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ที่ได้จำพรรษาที่ จ.นครราชสีมา ออกพรรษาแล้ว ได้เร่งเดินทางมากราบองค์หลวงปู่มั่น ที่วัดป่าโนนนิเวศน์ แต่ไม่ทันกัน จนองค์หลวงตาได้ไปวิเวกทาง จ.หนองคาย แล้วจึงได้มากราบถวายองค์เป็นศิษย์ ณ เสนาสนะป่าบ้านโคก ในปี พ.ศ. 2485

          จากกัณฑ์เทศน์ความโง่และความสงสัย เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด เมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2507 ส่วนหนึ่งดังนี้

... จากนครราชสีมามาจังหวัดอุดรคราวนี้ จุดประสงค์ก็เพื่อจะมาให้ทันท่านพระอาจารย์มั่น ซึ่งจำพรรษาอยู่ที่วัดโนนนิเวศน์ อุดรธานี แต่ก็มาไม่ทันท่าน เพราะท่านถูกนิมนต์ไปจังหวัดสกลนครเสียก่อน จึงเลยไปพักอยู่ที่วัดทุ่งสว่าง จังหวัดหนองคาย ประมาณสามเดือนกว่า พอถึงเดือนพฤษภาคม 2485 ก็ออกเดินทางจากหนองคายไปจังหวัดสกลนคร และเดินทางต่อไปถึงวัดท่านพระอาจารย์มั่น ที่ตั้งอยู่บ้านโคก ตำบลตองโขบ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร ... (จาก https://luangta.com/thamma-luangta/result/detail?id=1978)

          เมื่อหลวงตามหาบัว ได้พบองค์หลวงปู่มั่นแล้ว ได้ทำความเพียรเต็มเหนี่ยว ตลอดจนหมู่คณะที่ยอมตนอดทนต่อคำสอนในองค์หลวงปู่มั่น ท่านเหล่านั้นล้วนเป็นครูบาอาจารย์สืบปฏิปทาต่อมาในยุคปัจจุบัน


หลวงปู่ภูมี ฐิตธมฺโม อดีตเจ้าอาวาสวัดป่าโนนนิเวศน์ อ.เมือง จ.อุดรธานี (รูปจาก คุณอุเทน การคิด)

10) วัดป่าโนนนิเวศน์ในปัจจุบัน

          ยังคงสภาพความเป็นวัดป่าอยู่ โดยทางวัดได้ก่อสร้างกุฏิจำลององค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต สามารถขึ้นไปสักการะได้ อีกทั้งวิหารองค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต และหลวงปู่ภูมี ฐิตธมฺโม อดีตเจ้าอาวาส เป็นปูชนียสถานรำลึกถึงพระบูรพาจารย์ ภายในจัดแสดงอัฐบริขารองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และหลวงปู่ภูมี ฐิตธัมโม ตลอดจนอดีตเจ้าอาวาสที่ผ่านมา

อ้างอิง
ประวัติพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺตเถร โดย หลวงปู่มหาบัว ญาณสมฺปนฺโณ พ.ศ. 2547
พระราชธรรมเจติยาจารย์ (วิริยังค์ สิรินฺธโร), ประวัติพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ (ฉบับสมบูรณ์), สถาบันพลังจิตตานุภาพ : กรุงเทพฯ, 2541.
พระราชนิโรธรังสี คัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ (เทสก์ เทสรังสี), อัตตโนประวัติพระราชนิโรธรังสี คัมภีรปัญญาวิศิษฏ์(เทสก์ เทสรังสี), ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพฯ, พ.ศ. 2539
มูลนิธิหลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ, อนุสรณ์หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ, โรงพิมพ์มูลนิธินวมราชานุสรณ์ : นครนายก, มปพ.
พระญาณวิริยะ, ประวัติย่อ พระอาจารย์มั่นฯ ในหนังสือที่ระลึกงานฌาปนกิจ นางพุ่ม งามเอก พ.ศ. 2520
บทความไว้อาลัย โดย หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี ใน "พันธุลาภิบูชา" และ "ธรรมเจติยานุสรณ์" ที่ระลึกในการพระราชทานเพลิงศพ พระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) ณ เมรุวัดโพธิสมภรณ์ อ.เมือง จ.อุดรธานี วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2506.
สุริยาส่องฟ้า จันทร์ศรีส่องธรรม เนื่องในฉลองมงคลอายุกาล 101 ปี พระอุดมญาณโมลี (หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺทธีโป) พ.ศ. 2555.
ดำรง ภู่ระย้า, หลวงปู่อ่อนสี สุเมโธ, นิตยสารโลกทิพย์ (ฉบับที่ 76 ปีที่ 5) มีนาคม (ฉบับแรก), 2529.

 

แสดงความเห็น  >>คลิ๊กที่นี่<<

< ตอนก่อนหน้า : ตอนต่อไป >