กลับมาจำพรรษาโปรดหมู่คณะวัดเจดีย์หลวง
วัดเจดีย์หลวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ (ตอนที่ 3)
ตามรอยธรรมองค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ตอนที่ 31
องค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ภายหลังจากจาริกออกไปไกลอยู่บริเวณพื้นที่ระหว่างเชียงใหม่และเชียงราย เป็นเวลาถึง 5 ปีในช่วงปี พ.ศ.2480–2481 ท่านได้เมตตากลับมายังวัดเจดีย์หลวงอีกครั้ง เพื่อเป็นหลักให้กับหมู่คณะสงฆ์
(รูปโดย คุณ Bond)
3. ช่วงที่ 3 พำนักปี พ.ศ. 2480 และจำพรรษาวัดเจดีย์หลวง ปี พ.ศ.2481
ภายหลังจากออกพรรษาปี พ.ศ.2475 ที่ท่านสละตำแหน่งเจ้าอาวาส และสมณศักดิ์ ท่านได้วิเวกเข้าไปในป่าลึก อ.เวียงป่าเป้า อ.แม่สรวย จ.เชียงราย และแถบอำเภอพร้าว จ.เชียงใหม่ ติดต่อกัน 5 ปี จนกระทั่งในปี พ.ศ.2480 เริ่มมีศิษย์เดิม จากภาคอีสานได้ตามมา เป็นจังหวะที่ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร) ขณะนั้น ดำรงสมศักดิ์ที่ พระญาณดิลก ซึ่งเป็นศิษย์เดิมเช่นกัน ได้รับมอบหมายจากคณะสงฆ์ ให้มาปฏิบัติหน้าที่ กำกับดูแลวัดเจดีย์หลวง ระหว่างปี พ.ศ.2480 – 2483 อีกทั้งคณะสงฆ์ยังได้แต่งตั้ง พระพุทธิโศภน (แหวว ธมฺมทินฺโน) เป็นเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงแล้ว
องค์หลวงปู่มั่น ได้เริ่มให้การอบรมแก่ศิษยานุศิษย์ และได้รับนิมนต์จากพระญาณดิลก และพระพุทธิโศภณ ขอให้ท่านได้โปรดหมู่คณะสงฆ์ ท่านได้เมตตาจำพรรษา ณ วัดเจดีย์หลวง ในพรรษากาล ปี พ.ศ.2481 โดยท่านเริ่มแสดงความเห็น ที่จะกลับสู่ภาคอีสาน เป็นโอกาสที่ศิษย์จะได้จัดเตรียมความพร้อม ก่อนที่ท่านจะเดินทางกลับคืนภาคอีสาน ในปี พ.ศ.2483 โดยมีรายละเอียดเหตุการณ์ ดังต่อไปนี้
3.1 หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่อ่อน จาริกมาเข้ามาอบรม
|
|
หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ |
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร |
ท่านทั้งสองได้ขึ้นเดินทาจากนครราชสีมมา ได้มากราบเรียนธรรมกับองค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ณ วัดเจดีย์หลวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ในช่วงประมาณต้นปี พ.ศ.2480 หลังจากไม่ได้พบกัน นับตั้งแต่องค์หลวงปู่มั่น จารึกมา จ.เชียงใหม่ (รูปจาก ฐานข้อมูล Admin) |
...เมื่อเดือน 3 ข้างขึ้น 15 ค่ำ ปี 2479 (นับในแบบปีปัจจุบัน จะตรงกับวันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ.2480 Admin) ท่าน (หลวงปู่อ่อน ญาณสิริกับหลวงปู่ฝั้น อาจาโร)ได้ออกจากวัดป่าศรัทธารวม อ.เมือง จ.นครราชสีมา ไปตามพระอาจารย์มั่น ที่เชียงใหม่ เพราะเวลาที่จากกัน ท่านคิดถึงพระอาจารย์มั่นอยู่ตลอดเวลา ในการไปตามหาพระอาจารย์มั่นครั้งนี้ พระอาจารย์อ่อน ได้เดินทางร่วมไปด้วย
เมื่อลงรถไฟที่สถานีเชียงใหม่แล้ว ทั้งสองท่านได้เดินต่อไปที่วัดเจดีย์หลวง นับว่าน่าอัศจรรย์ เป็นอันมาก ไม่ทราบว่าท่านอาจารย์มั่นหยั่งรู้ได้อย่างไร จึงมาคอยท่านอยู่ก่อนแล้ว
พระอาจารย์มั่น ได้บอกกับท่านทั้งสองว่า พระเณรมาหาเป็นร้อยๆ ยังไม่ดีใจเท่าที่ท่านมาเพียงสององค์ มีพระเณรมาหากันมากแต่ไม่พบ เพราะท่านเที่ยวธุดงค์ปฏิบัติกัมมัฏฐานเรื่อยๆ
เมื่อเข้าสู่ที่พักซึ่งพระอาจารย์มั่นกำหนดให้แล้ว ทั้งสองท่านได้ถวายการปฏิบัติต่อพระอาจารย์มั่น สักพักใหญ่ พระอาจารย์มั่นก็ลุกขึ้นมาเทศนาให้ฟัง ตอนหนึ่งท่านบอกด้วยว่า พระอาจารย์อ่อนและพระอาจารย์ฝั้น เป็นพระเจ้าชู้
พระอาจารยทั้งสองได้ฟังก็งุนงงและบังเกิดความตกใจ แต่เมื่อพิจารณาตัวเองดูแล้ว ก็ประจักษ์ว่าจริงอย่างที่ท่านบอก เพราะผ้าจีวร สบง เปลี่ยนไปเป็นสีเหลือง ไม่ใช่สีกลัก มิหนำซ้ำฝาบาตรที่พระอาจารย์ฝั้นใช้อยู่ ยังประดับมุกอีกด้วย
คืนนั้นพระอาจารย์ทั้งสองนั่งสมาธิทำความเพียรจนสว่าง
เช้าวันรุ่งขึ้น พระอาจารย์อ่อนขอลาพระอาจารย์มั่น ไปอำเภอพร้าว พระอาจารย์ฝั้นจะไปด้วย แต่พระอาจารย์มั่นไม่ยอมให้ไป ท่านให้พักอยู่ด้วยกันไปก่อน
ต่อมาพระอาจารย์อ่อนและพระอาจารย์ฝั้นได้ขอลาไปวิเวกยังที่อื่นอีกหลายครั้ง แต่พระอาจารย์มั่น พูดตัดบทไว้ทุกที อ้างว่าอยู่ที่นี่ดีอยู่แล้ว
อย่างไรก็ดี พระอาจารย์มั่นได้อนุญาตให้ท่านทั้งสอง ไปพักอยู่ที่ห้วยน้ำริน และต่อมาได้ไปยังบ้านปง ที่บ้านปงนี้เอง พระอาจารย์อ่อนเกิดอาพาธด้วยไข้มาลาเรีย พระอาจารย์ฝั้นได้ช่วยรักษาพยาบาลจนกระทั่งทุเลาลง แล้วพากันกลับไปหาพระอาจารย์มั่น ยังวัดเจดีย์หลวงอีกครั้ง
กลับไปคราวนี้ พระอาจารย์มั่นได้ให้พระอาจารย์ฝั้น มุ่งทำความเพียรทั้งกลางวันกลางคืน ปรากฏว่าท่านทั้งสอง ต่างสามารถมองเห็นกันทางสมาธิ โดยตลอด ทั้งๆ ที่กุฏิห่างกันเป็นระยะทางถึงเกือบ 500 เมตร
พอใกล้เข้าพรรษา สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร) ครั้งเป็นพระญาณดิลก ได้ขึ้นไปเป็นกรรมการสอบสวน ชำระอธิกรณ์ที่วัดเจดีย์หลวง ได้ให้พระอาจารย์อ่อนเดินทางไปให้นิสัยพระมอญ ซึ่งได้รับการญัตติกรรมเป็นพระธรรมยุตติกนิกาย ที่วัดบ้านหนองคู่ จังหวัดลำพูน แต่เนื่องจากวัดนี้อยู่ริมแม่น้ำปิง ขณะนั้นน้ำกำลังท่วม พระอาจารย์อ่อนจึงตัดสินใจไม่ไป
พอดีกับพระอาจารย์ฝั้น ได้รับจดหมายพร้อมกับธนาณัติจากหลวงเกรียงศักดิ์พิชิต เป็นปัจจัยมูลค่า 40 บาท ถวายเป็นค่าพาหนะ ให้ท่านเดินทางกลับไปจำพรรษาที่นครราชสีมา
ท่านทั้งสองจึงได้ตัดสินใจกลับจากเชียงใหม่ในเดือน 8 ขึ้น 7 ค่ำ ปี พ.ศ.2480 (ตรงกับวันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ.2480)... (อาจาราภิวาท)
3.2 พักอยู่ที่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ก่อนจำพรรษาวัดเจดีย์หลวง
(รูปจาก หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
จากประวัติหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ได้กล่าวไว้ว่า ก่อนเข้าพรรษาปี พ.ศ.2481 องค์หลวงปู่มั่น ได้พำนักอยู่ ที่ในเวลานั้นยังเป็นป่าละเมาะใกล้ๆ โรงเรียนเกษตรแม่โจ้ (ปัจจุบัน คือ มหาวิทยาลัยแม่โจ้) อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ จนใกล้จะเข้าพรรษา ท่านได้รับนิมนต์จากเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร) ขณะนั้นดำรงสมณศักดิ์ที่ พระญาณดิลก ปฏิบัติหน้าที่ผู้กำกับการวัดเจดีย์หลวง และจากท่านเจ้าคุณพระพุทธิโสภณ (แหวว ธมฺมทินฺโน) เจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงในขณะนั้น ให้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดเจดีย์หลวงด้วยกันเพื่อโปรดหมู่คณะ
จากบันทึกประวัติหลวงปู่เหรียญ ได้กล่าวไว้ว่า
|
|
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ได้กราบเรียนธรรมกับองค์หลวงปู่มั่น ครั้งแรกขณะที่องค์หลวงปู่มั่น พำนักอยู่ในบริเวณป่าละเมาะ ซึ่งปัจจุบันอยู่ใกล้เคียงกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ |
...อาตมา (หลวงปู่เหรียญ) ได้ร่วมเดินทางไปพร้อมกับท่านพระอาจารย์ใหญ่ และหมู่คณะอีกหลายรูป เมื่อคณะของท่านพระอาจารย์ และอาตมาไปถึงวัดเจดีย์หลวง ก็ปรากฏว่า เสนาสนะในวัดเจดีย์หลวงมีไม่เพียงพอที่จะอยู่ร่วมจำพรรษา ประกอบกับญาติโยมทางอำเภอพร้าว มาขอนิมนต์พระจากพระอาจารย์มั่น ให้ไปจำพรรษาที่อำเภอพร้าว ท่านพระอาจารย์จึงแต่งให้พระ 3 รูป ไปฉลองศรัทธาเขา ซึ่งก็มีพระอาจารย์เนียม โชติโก พระอาจารย์อ่อนสี สุเมโธ และอาตมา... (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
3.3 เมตตาสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร) ไม่ให้ลาสิกขา
สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ( หลวงปู่มหาพิมพ์ ธมฺธโร) วัดพระศรีมหาธาตุ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร ท่านเป็นชาวจังหวัดอุบลราชธานี เกิดเมื่อปี พ.ศ.2440 บรรพชาในปี พ.ศ.2457 และอุปสมบทในปี พ.ศ. 2460
สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (พิมพ์ ธมฺมธโร) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่ พระญาณดิลก เคยคิดท้อถอย แล้วจะลาสิกขา แต่องค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ได้เดินทางมาให้สติ จนมีกำลัง ละการลาสิกขา ดำรงสมณเพศ จนเป็นสมเด็จพระราชาคณะ
(รูปจาก กุสลมหาเถรานุสรณ์ เล่ม 1)
ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ในสมัยที่ยังเป็นสามเณร ได้มีโอกาสได้พบ และกราบหลวงปู่มั่นครั้งแรก เมื่อหลวงปู่มั่น มาพำนักยังวัดบูรพา จังหวัดอุบลราชธานี จนเมื่อท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว ได้มาจำพรรษา ณ วัดบรมนิวาส และวัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพฯ ตามลำดับ เพื่อศึกษาปริยัติธรรมบาลี จนสอบได้เป็นพระมหาเปรียญและได้เปรียญธรรม 6 ประโยค มีคนมาชักชวนให้ลาสิกขา เมื่อหลวงปู่มั่นได้ลงมาพำนักยังวัดปทุมวนาราม ท่านได้เข้ามาเยี่ยมท่านเจ้าประคุณสมเด็จ พร้อมให้โอวาท ให้มั่นคงในสมณเพศ
"ท่านมหาอย่าคิดนอกลู่นอกทาง ตั้งอกตั้งใจเรียนหนังสือช่วยพระศาสนา ช่วยหมู่คณะต่อไปในอนาคต"
จนท่านต้องเลิกล้มการลาสิกขาในคราวนั้น ต่อมาท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ได้ปรารภว่า
"ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราคิดอยู่ในจิตใจนั้น ท่านพระอาจารย์มั่นทราบหมดทุกอย่าง เราเคารพท่านพระอาจารย์มั่นมาก เหมือนพ่อแม่บังเกิดเกล้า และเราก็กลัวท่านมาก"
(รูปจาก สมโภช 600 ปี พระธาตุเจดีย์หลวง)
ภายหลังปี พ.ศ.2480 เมื่อท่านดำรงสมณศักดิ์เป็นราชาคณะที่ พระญาณดิลก ท่านได้รับมอบหมายจากคณะสงฆ์ ไปกำกับดูแลวัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ ท่านประสบกับโลกธรรม ทำให้ท่านหวั่นไหว จนคิดจะลาสิกขาเมื่อออกพรรษาแล้ว
จนถึงวันหนึ่ง ท่านเตรียมจะลาสิกขาในเช้าวันรุ่งขึ้น ปรากฏว่าในคืนนั้นหลวงปู่มั่นได้เดินทางมาหาท่านในเวลาตี 3 คำแรกที่หลวงปู่มั่นพูดขึ้น คือ
"ท่านเจ้าคุณอย่าคิดนอกลู่นอกทาง งานทั้งหมดที่ท่านทำอยู่เวลานี้จะต้องสำเร็จหมดทุกอย่าง"
และหลวงปู่มั่นยังได้ให้โอวาทอบรมต่อ ตั้งแต่ตี 3 กว่า จนถึง 8 โมงเช้า จนท่านรับปากกับหลวงปู่มั่นในทุกๆ เรื่อง และไม่กล้าคิดลาสิกขาอีกเลยนับแต่นั้นมา ท่านได้ปฏิบัติหน้าที่ที่วัดเจดีย์หลวงจนถึงปี พ.ศ.2483
(รูปจาก สมโภช 600 ปี พระธาตุเจดีย์หลวง)
กาลต่อมา ได้เจริญก้าวหน้าในสมณเพศ ได้รับพระราชทานเป็นสมเด็จพระราชาคณะ ในปี พ.ศ. 2508 ท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (หลวงปู่มหาพิมพ์ ธมฺธโร) มรณภาพเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2517 สิริอายุได้ 77 ปี พรรษา 57 (สามสมเด็จศิษย์หลวงปู่มั่น โดย Admin เพจ แฟนพันธุ์แท้ศิษย์หลวงปู่มั่น)
3.4 ออกพรรษาหลวงปู่เทสก์กราบลาองค์หลวงปู่มั่นกลับภาคอีสาน
หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี ได้เรียนธรรมะกับองค์หลวงปู่มั่น ตั้งแต่ปี พ.ศ.2466 ณ บ้านค้อ ปัจจุบัน คือ วัดป่าสารวารี อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ต่อมายังได้พบกับองค์หลวงปู่มั่น ที่ขณะนั้นยังจาริกในภาคอีสาน จนกระทั่งท่านได้ติดขัดทางภาวนา ได้เดินทางมาตามหาองค์หลวงปู่มั่น เพื่อให้ช่วยแก้ไขการภาวนา พร้อมกับ หลวงปู่อ่อนสี สุเมโธ เริ่มต้นท่านทั้งสองมาพักที่วัดเจดีย์หลวงก่อน แล้วออกเดินทางตามหาได้รับความยากลำบากนานาประการ จนพบองค์หลวงปู่มั่น ที่ป่าเมี่ยงขุนปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ ในปี พ.ศ.2476 และอยู่ติดตามองค์หลวงปู่มั่นในเขตภาคเหนือนี้
จนกระทั่งออกพรรษาปี พ.ศ.2481 ได้กราบลาองค์หลวงปู่มั่น ณ วัดเจดีย์หลวง และชี้แจงเหตุผลขอให้องค์หลวงปู่มั่น กลับคืนสู่ภาคอีสาน ซึ่งท่านได้เคยกราบเรียนหลายครั้ง ซึ่งครั้งนี้ องค์หลวงปู่มั่น ได้เริ่มแสดงความประสงค์ที่จะกลับคืนภาคอีสาน หลวงปู่เทสก์ ได้รีบส่งข่าวกราบเรียนไปยัง ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโร) ในการเตรียมความพร้อมเพื่อถวายความสะดวกองค์หลวงปู่มั่น กลับคืนสู่ภาคอีสานต่อไป ตามบันทึกในอัตโนประวัติหลวงปู่เทสก์ ท่านได้บันทึกไว้ ดังนี้
|
|
หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี กับหลวงปู่อ่อนสี สุเมโธ หลังจากจาริกในภาคเหนือ เพื่อติดตามองค์หลวงปู่มั่น ตั้งแต่ปี พ.ศ.2476 ภายหลังออกพรรษา ปี พ.ศ.2481 ได้มากราบลาองค์หลวงปู่มั่น กลับสู่ภาคอีสานก่อน แต่หลวงปู่อ่อนสี ยังคงอยู่ติดตามองค์หลวงปู่มั่น ต่อไป (รูปจาก ฐานข้อมูล Admin และนิตยสารโลกทิพย์) |
...ก่อนจะกลับเราได้ ไปกราบนมัสการลาท่านอาจารย์มั่นซึ่งได้จำพรรษาอยู่ ณ วัดเจดีย์หลวง จังหวัดเชียงใหม่ ตามคำขอร้องของสมเด็จพระมหาวีรวงศ์เช่นเดียวกัน แล้วเราได้อาราธนาให้ท่านกลับมาอีสานอีกวาระหนึ่ง คือก่อนเข้าพรรษา
เราได้อาราธนาท่านครั้งหนึ่งแล้ว ท่านก็ปรารภว่าเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ก็มีหนังสือที่มานิมนต์เหมือนกัน แท้จริงเราได้เคยทาบทามท่าน เห็นมีทีท่าท่านจะกลับ เราจึงได้มีหนังสือแนะให้เจ้าคุณพระธรรมเจดีย์มีหนังสือมานิมนต์ท่าน
เมื่อเราย้ำว่าแล้วท่านอาจารย์จะกลับไหม ท่านบอกว่า ดูกาลก่อน
แล้วกราบเรียนท่านว่า ผมขอลากลับละ เพราะมาหาวิเวกทางนี้ ก็เป็นเวลานานพอสมควร จะดีชั่วขนาดไหน ก็พอจะพิสูจน์ตัวเองได้แล้ว
|
|
พระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี พระคุณท่านทั้งสอง ได้พยายามนิมนต์องค์หลวงปู่มั่น กลับสู่ภาคอีสาน (รูปจาก ฐานข้อมูล Admin) |
เราก็ได้มีจดหมายเรียนเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์อีกฉบับหนึ่ง การเดินทางกลับครั้งนี้ เราให้เด็กคนหนึ่งมาเป็นเพื่อน ส่วนท่านอ่อนสี ยังอยู่ติดตามท่านอาจารย์มั่น ต่อไป...(หลวงปู่เทสก์ เทสรํสี)
3.5 ออกพรรษาโยมนิมนต์องค์หลวงปู่มั่นจาริกไป อ.พร้าว และออกวิเวกต่อ
จากประวัติหลวงปู่เหรียญ ได้กล่าวไว้ว่า โยม อ.พร้าว ได้นิมนต์องค์หลวงปู่มั่น จากวัดเจดีย์หลวง มาเทศน์ในงานกฐิน ระยะต่อมา องค์หลวงปู่มั่น ได้วิเวกไปยังสถานที่ต่างๆ ใน อ.พร้าว จนกระทั่งจำพรรษาในปี พ.ศ.2482 ซึ่งเป็นพรรษาสุดท้ายในภาคเหนือ ตามบันทึกประวัติหลวงปู่เหรียญ ได้กล่าวไว้ ดังนี้
|
|
หลวปู่เหรียญ วรลาโภ (รูปซ้าย) ได้อยู่จำพรรษา ณ บ้านแม่กอย (รูปขวา) ในปี พ.ศ.2481 เมื่อออกพรรษาแล้ว องค์หลวงปู่มั่น ได้เมตตาเดินทางมายัง บ้านแม่กอย ตามที่ได้รับอาราธนา หลังจากนั้นองค์หลวงปู่มั่น ได้จำพรรษา ณ บ้านแม่กอยนี้ ในพรรษากาลปี พ.ศ.2482 ซึ่งเป็นพรรษาสุดท้ายของการจาริกในภาคเหนือ ปัจจุบัน คือ วัดป่าอาจารย์มั่น อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ |
...เมื่อออกพรรษาแล้ว คณะญาติโยมอำเภอพร้าว ได้จัดคนไปนิมนต์ท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น มาร่วมในงานทอดกฐิน ท่านอาจารย์ใหญ่มั่น มาร่วมในงานทอดกฐิน ตกตอนเย็นคนมาฟังเทศน์เยอะมาก ท่านพระอาจารย์มั่นเทศน์ไปๆ คนก็หนีไปๆ กว่าจะเทศน์จบ เหลือคนฟังอยู่เพียง 4-5 คน หมู่เพื่อนมาคุยกันว่า ท่านพระอาจารย์ใหญ่เทศน์เป็นธรรมปฏิบัติ สำหรับผู้ปฏิบัติธรรม ผู้ไม่ปฏิบัติธรรม ฟังแล้วไม่เข้าใจ... (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
ขอขอบคุณ
คุณบุ๊ค คุณแอน คุณกุ่ย คุณแจน ช่วยอ่านตรวจแก้ตัวอักษา
บุญตาแอนติค และ คุณกมล นิลปาน อนุเคราะห์รูปครูบาอาจารย์
คลังสารสนเทศดิจิทัล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อนุเคราะห์ข้อมูล
โครงการท่องเที่ยวโดยชุมชน ตามรอยองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต อุปถัมป์การดำเนินการรวบรวมข้อมูล
หากมีข้อผิดพลาดประการใด Admin กราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้
อ้างอิง
1) ประวัติพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺตเถร โดย หลวงปู่มหาบัว ญาณสมฺปนฺโณ พ.ศ. 2547
2) ประวัติหลวงปู่มั่นฉบับสมบูรณ์ โดย หลวงพ่อวิริยังค์ ฯ พ.ศ.2541
3) หนังสือที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิง พระญาณวิศิษฏ์ (พระอาจารย์สิงห์ ขนฺตยาคโม) โดย พระอริยคุณาธาร พ.ศ. 2505
4) อัตตโนประวัติ พระราชนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาวิศิษฏ์ ลายมือหนังสือธรรมของ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร วงศ์ธรรมยุติในภาคอีสาน โดย หลวงปู่เทศก์ เทสรํสี พ.ศ.2539
5) อาจาราภิวาท อนุสรณ์ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร พ.ศ.2520
6) ตามรอยธุดงควัตร พระอาจารย์เสาร์ กนฺตสีโล โดย ธิดาวรรณ-พิศิษฐ์ ไสยสมบัติ พ.ศ. 2546
7) ชีวประวัติพระคุณเจ้าหลวงปู่ชอบ ฐานสโม, ฉบับปรับปรุง พศ.2535
8) จนฺทปชฺโชตเถรปูชา ที่ระลึกในงานพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (สนั่น จนฺทปชฺโชโต) วันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2542
9) ทางสู่สันติ อนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพ พระอาจารย์กงมา จิรปุญฺโญ วันที่ 3 มีนาคม พ.ศ.2506
10) ธรรมประวัติ หลวงปู่จาม มหาปุญฺโญ ผู้มากมีบุญ โดย พระธมฺมธโร ครูบาแจ๋ว พ.ศ.2555
11) บทความ "คณะธรรมยุตติกนิกายภาคเหนือ" โดย พระวินัยโกศล (ภายหลัง คือ พระพุทธพจน์วราภรณ์ (หลวงปู่มหาจันทร์ กุสโล)) จากหนังสือ สมโภช 600 ปี พระธาตุเจดีย์หลวง พ.ศ.2538
12) บทความ "ปฏิปทาบูรพาจารย์ ผู้นำจิตวิญญาณล้านนา" โดย ส.กวีวัฒน์ จากหนังสือ จารึกไว้ในล้านนา พ.ศ.2563
13) บทความ "หลวงปู่มั่นกับดอยสุเทพ" โดย ส.กวีวัฒน์ จากหนังสือ จารึกไว้ในล้านนา พ.ศ.2563
14) บทความ "บวชให้รูปเดียวพอ" โดย ส.กวีวัฒน์ จากหนังสือ จารึกไว้ในล้านนา พ.ศ.2563
15) พันทุลาภิบูชา คณะศิษยานุศิษย์อุทิศบูชาคุณานุคุณ ในงานพระราชทานเพลิงศพ พระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล) วันอาทิตย์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ.2506
16) บูรพาจารย์ โดย สุกัญญา มกุฏอรฤดี, ณิชารีย์ แก้วพรรณา พ.ศ.2549
17) ประชุมปกรณัม ภาคที่ 5 นนทุกปกรณัม โดย ราชบัณฑิตยสภา พระโสภณอักษรกิจ พิมพ์สนองคุณในงานพระราชทานเพลิงศพ ท่านน้อย เปาโรหิตย์ มารดาเจ้าพระยามุขมนตรี เมื่อปีมะแม พ.ศ.2474
18) หนังสืออนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิง พระราชเมธาจารย์ (ผิว ฐิตเปโม) วันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ.2538
19) ทางสู่สันติ และประวัติพระครูอุดมธรรมคุณ (ทองสุก สุจิตฺโต) พิมพ์เป็นอนุสรณ์ในงานฌาปนกิจศพพระครูอุดมธรรมคุณ (ทองสุก สุจิตฺโต) วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2509 โดย พระครูญาณวิริยะ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)
20) หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ จัดพิมพ์เป็นธรรมบรรณาการ เนื่องในการเสด็จพระราชทานเพลิงศพ พระสุธรรมคณาจารย์ (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ) วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ.2552
21) หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ริ้วห่อทอง ฉบับสมบูรณ์ เนื่องในพิธีพระราชทานเพลิงศพ วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม พ.ศ.2547 โดย พระมหาธีรนาถ อคฺคธีโร
22) ญาณสัมปันนธัมมานุสรณ์ อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงฯ พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน)
23) บทความ "สามสมเด็จศิษย์หลวงปู่มั่น" โดย Admin เพจ แฟนพันธุ์แท้ศิษย์หลวงปู่มั่น, พ.ศ.2563